จากเวทีเสวนา เรื่อง “ข่มขืน...ภัยใกล้ตัวของเด็กและเยาวชน” ที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และ สสส.จัดขึ้น ทำให้เราได้รับข้อมูลว่า สถิติข่าวความรุนแรงทางเพศ ปี 2560 มีปริมาณเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ
มีข้อมูลจากการรวบรวมข่าวความรุนแรงทางเพศ ปี 2560 ของหนังสือพิมพ์ 13 ฉบับ พบข่าวความรุนแรงฯ 317 ข่าว มีผู้เสียชีวิต 20 ราย ผู้ถูกกระทำเกินครึ่งร้อยละ 60.6 ยังเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน อายุ 5-20 ปี รองลงมา ร้อยละ 30.9 อายุ41-60 ปี สำหรับอาชีพของผู้ถูกกระทำ อันดับหนึ่ง นักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 60.9รองลงมา คือ ลูกจ้าง ร้อยละ 21.6 ค้าขายร้อยละ 5.2 และเป็นกลุ่มเด็กเล็ก ร้อยละ 4.2อายุของผู้ถูกกระทำน้อยที่สุด คือ เด็กหญิง 5 ขวบถูกข่มขืน และอายุมากสุด คือ อายุ 90 ปีถูกข่มขืน ขณะที่ความรุนแรงทางเพศต่อเพศชายในวัยทำงานก็มีเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ส่วน ความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จักคุ้นเคยและเป็นบุคคลในครอบครัวกว่า ร้อยละ 53 ส่วนสถานที่เกิดเหตุที่ เกิดในที่พักของผู้ถูกกระทำฯ รองลงมาเกิดในที่พักของผู้กระทำ และเกิดเหตุในที่เปลี่ยว/ถนนเปลี่ยว อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตด้วยว่า สถานที่ที่คิดว่าควรเป็นที่ปลอดภัยแต่ปัจจุบันก็พบว่ามีการก่อเหตุความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้น เช่น โรงพยาบาล วัดกุฏิพระ เป็นต้น
และปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงทางเพศมากที่สุด คือ ร้อยละ31.1 คิดเป็น 1 ใน 3 โดยประมาณ ต้นเหตุมาจาก “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” รองลงมา อ้างว่ามีอารมณ์ทางเพศ ร้อยละ 28 การใช้สารเสพติด ร้อยละ 16.3 และต้องการชิงทรัพย์ ร้อยละ 11.7
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก (สำนัก 1) สสส. เผยว่า ที่ผ่านมาสสส. ได้รณรงค์ในเรื่องงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาต่อเนื่อง เพราะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ และปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มีความเสี่ยงที่จะก่อเหตุความรุนแรงในครอบครัวได้ และวันนี้ยิ่งน่าเป็นห่วงที่การดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดความรุนแรงทางเพศมากที่สุด แต่ในภาคเศรษฐกิจกลับมีการโหมกระหน่ำสร้างสิ่งยั่วยุให้เยาวชน บุคคลหันไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ซึ่งในเวทีเสวนาครั้งนี้ สสส. และมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จะพยายามช่วยสื่อสารไปยังทุกภาคส่วนของสังคม ตลอดจนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้ตระหนักในการร่วมกันรับผิดชอบ และต้องไม่นิ่งเฉยหากพบเห็นการกระทำเหตุความรุนแรงในทุกกรณี แม้ว่าสังคมไทยวันนี้จะมีจำนวนผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ที่ร้อยละ 28.4 ซึ่งน้อยกว่าคนไม่ดื่ม โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 4 เท่า แต่ยังก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองในครัวเรือน ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าสูงถึง 142,230 ล้านบาท
“ชินดี้” สิรินยา บิชอพ ผู้ก่อตั้งแคมเปญ #donttellmehowtodress และ #tellmentorespect ให้ความเห็นในฐานะคนเป็นแม่ ว่า รู้สึกสะท้อนใจมากที่พบว่าเวลานี้เด็กและเยาวชนอายุ 15-20 ปีต้องเผชิญกับความรุนแรงทางเพศ เมื่อได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในด้านนี้มากขึ้นกับทางมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลยิ่งทำให้เห็นอีกหลายๆ ปัญหา ดังนั้น ตั้งใจว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง สร้างการรับรู้ไปสู่ทุกภาคส่วนของสังคมให้ร่วมกันดูแลและแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด
ขณะที่ “ป้ามล” นางทิชา ณ นครผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก ให้ความเห็นว่า ความรุนแรงทางเพศเป็นภัยใกล้ตัว แต่ในความจริงสังคมไทยไม่เคยเรียกร้องที่จะให้ผู้ชายมีส่วนร่วมรับผิดชอบ หลายกรณีก็ปล่อยให้ผู้ชายลอยนวล แต่กลับผู้หญิงถูกตีกรอบให้ต้องดูแลตัวเองหรือถ้อยคำบางคำที่ไม่เหมาะสมก็ตีตราว่าใช้กับผู้หญิง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถูกคือควรต้องสร้างความรับผิดชอบทางเพศร่วมกันซึ่งที่บ้านกาญจนาฯ ตนใช้กิจกรรม “วิชาชีวิต”สร้างการเรียนรู้แก่เด็ก และจัดให้เด็กมาแลกเปลี่ยนกันว่าเขาเจอปัญหาอะไร การวิเคราะห์ข่าวเด็ก เด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง ข่าวพ่อวัยรุ่นฆ่าลูก และวัยรุ่นทุกคนของบ้านกาญจนาฯ จะต้องไปเลี้ยงน้องที่บ้านเด็กกำพร้าบ้านปากเกร็ด 1 วัน จากนั้นให้ถอดบทเรียนกัน ตรงนี้จะช่วยสร้างกระบวนการคิดจากการเรียนรู้ซ้ำโดยไม่ต้องท่องจำ
ปัจจุบันมีองค์กร มูลนิธิต่างๆ ที่เข้ามาทำงานเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดอำนาจต่อรองแก่ผู้ถูกกระทำในหลายกรณี โดยทุกองค์กร, มูลนิธิ จะมาไล่ทำทีละเคสคงไม่ได้ เราต้องทำงานคู่ขนานเร่งสะสมองค์ความรู้ สร้างความรับผิดชอบโดยเฉพาะกลุ่มผู้ชาย การที่มีการอนุโลมให้กับบางพฤติกรรมไม่ต่างจากการตั้งระเบิดเวลาและสุดท้ายก็กลายเป็นปัญหา ต้องช่วยกันเปลี่ยนวิธีคิด การเลี้ยงดูของครอบครัวที่มีลูกชายต้องปลูกฝังให้พวกเขามีจิตสำนึก รวมถึงสถาบันการศึกษาควรให้ความสำคัญมากกว่านี้ เพราะที่ผ่านภาครัฐและสังคมยังไม่แตะเรื่องเหล่านี้มากนัก
ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ซึ่งในสภาพความเป็นจริง ยังมีข้อมูลอีกไม่น้อยที่ไม่ได้รับการเปิดเผย ซึ่งถือว่าเป็น ส่วนหนึ่งของปัญหาที่จะทำให้ผู้กระทำผิดเกิดความเหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง
“ปานมณี” ก็ขอฝากไปยังผู้บริหารประเทศ ที่ยังรับผิดชอบอยู่ในเวลานี้หรือผู้บริหารจะเข้ามารับผิดชอบคณะใหม่ในปีหน้า พึงตระหนักไว้ด้วยแล้วกัน
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี