ผ่านพ้นไปแล้วกับเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของคนไทยทั้งประเทศ ซี่งเราจะเห็นได้ว่า ทุกภาคส่วนของไทยในต่างจังหวัด จะแน่นขนัดไปด้วยรถ และ ยวดยานพาหนะหลากหลายชนิด ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม เพื่อเยี่ยมเยือนญาติมิตรตามวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย
และแน่นอนที่สุด ทุกปีในยามที่ แต่ละคนต่างเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนาของคนเหล่านั้น หลายคนต้องประสบกับอุบัติเหตุบนท้องถนน อันเนื่องมาจาก ความประมาท ความบกพร่องของยานพาหนะ และการดื่มน้ำเมาในขณะที่ขับรถ ฯลฯ
ในจำนวนหลายปัจจัยของอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นทุกปี ยังมีคนส่วนใหญ่ลืมนึกไปว่า อีกปัจจัยหนึ่งของการพบกับอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็คือ การใช้ความเร็วในการขับรถที่สูงเกินไป
ในช่วงก่อนที่จะถึงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายแถลงข่าว LOW SPEED มีสิทธิ์รอด กลับบ้านปลอดภัย ปีใหม่ 2562 โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมผลักดันนโยบายความปลอดภัยทางถนนเพื่อรณรงค์ลดความเร็ว ลดความเสี่ยง ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจรในเทศกาลปีใหม่ ซึ่งแม้ว่าเทศกาล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่จะผ่านไปแล้วก็ตาม แต่ “ปานมณี” ยังมองเห็นว่า โครงการรณรงค์ในการขับรถเร็วนี้มีความจำเป็น และเป็นความสำคัญอีกยิ่งยวดสำหรับคนที่มือกำพวงมาลัยรถยนต์อยู่ เพราะทุกวันนี้ “ปานมณี” ขอบอกตรงๆว่า เห็นหลายคนที่ขับรถเร็วจนเกินพิกัดมันรู้สึกเสียวเข้าไปถึงหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่าความปลอดภัยบนท้องถนน ไม่ว่าจะใกล้ หรือไกล ก็ไม่มีอะไรมายืนยันถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ ทุกวันนี้ สสส. ไม่ได้รณรงค์เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนในด้านแผนการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อม วิเคราะห์การลดความเสี่ยง รณรงค์ให้เกิดความตระหนัก โครงการ LOW SPEED มีสิทธิ์รอด กลับบ้านปลอดภัย โดยใช้ ปีใหม่ 2562 เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความตระหนักและลดตัวเลขอุบัติเหตุที่เกิดจากขับรถเร็ว เพราะความเร็ว เป็นปัจจัยหลัก ร่วมกับสาเหตุอื่นๆ ในการเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) พูดถึงอันตรายเนื่องจากขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พบว่า ในทุกช่วงกลุ่มอายุ มีความเร็วเป็นปัจจัยสำคัญถึงร้อยละ 43 ด้วยเหตุนี้ สสส.และภาคีเครือข่ายจึงพยายามผลักดันเรื่อง “LOW SPEED มีสิทธิ์รอด” โดยการขับขี่ดีที่สุด คือ ในเมือง ไม่เกิน 50 กม./ชม.และนอกเมือง ไม่เกิน 90 กม./ชม. ที่ผ่านมามีการทำงานร่วมกันในเชิงพื้นที่ กว่า 200 อำเภอ พบว่าอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือ ทางแยก ทางร่วม ขาดป้ายเตือน และป้ายลดความเร็ว ถนนต่างระดับ รวมไปถึงจุดกลับรถเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องยืนยันให้เห็นว่า ความเร็วเป็นส่วนหนึ่งของ อุบัติเหตุบนท้องถนนเช่นกัน
นางสาวตวงรัตน์ พวงศรีทอง รองปลัด อบต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม กล่าวถึง การบูรณาการเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเกี่ยวกับการใช้ความเร็วของรถ ว่า มีการบูรณาการร่วมกันระหว่าง ผู้นำชุมชน, รพ.สต., ตำรวจ และชุมชน ร่วมกันวิเคราะห์ที่มาของปัญหาและความต้องการ โดยร่วมกันทำแผนที่ชุมชน ทางเดินยุทธศาสตร์ ซึ่งพบว่าเกิดจากความเร็ว ไม่สวมหมวกกันน็อก ทางร่วมทางแยกไม่มีสัญลักษณ์จราจร หลังจากนั้นวิเคราะห์จุดเสี่ยง และทำสัญญาณจราจร ซึ่งก่อนเทศกาล มีการลงพื้นที่ให้ความรู้เรื่องขับขี่ปลอดภัยและกฎหมายจราจร ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบข้าง และในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้มีการตั้งด่านชุมชน คุมเข้มเรื่องการจำกัดความเร็ว เพื่อใช้เป็นกลไกรณรงค์ทางสังคมและครอบครัว ปรากฏผลว่าตำบลวังน้ำเขียว มีพื้นที่ 24 ตร.กม. 14 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 8,500 คน มีสถิติด้านอุบัติเหตุลดลงจากปี 2560 ที่เกิดขึ้น 40 กว่าครั้ง ลดเหลือประมาณ 10 กว่าครั้ง ในปี 2561 นับว่าเป็นชุมชนต้นแบบในการบูรณาการความร่วมมือ ท้องถิ่น และชุมชน ป้องกันแก้ไข สร้างความปลอดภัยในพื้นที่ ที่น่าจับตามองมากทีเดียว
การควบคุมความเร็วบนท้องถนนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญไม่เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ยังหมายถึงทุกครั้งที่เดินทางและขับขี่ หากขับรถแบบ LOW SPEED เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะมีสิทธิ์รอด และผ่านพ้นอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกโสตหนึ่งทีเดียว
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี