วันนี้ “ปานมณี” ขอนำรูปภาพมาลงไว้ให้ดูเยอะหน่อย เพราะเชื่อมั่นว่าภาพหนึ่งภาพบอกอะไรให้กับเราได้มากกว่าคำพูดเป็นพันคำ
พื้นดินในภาพนี้มีพื้นที่ 30 ไร่อยู่บริเวณคลอง 13 จังหวัดปทุมธานีที่หลายคนมองว่าเป็นพื้นที่ที่ยากต่อการปรับปรุงพัฒนา เพราะเป็นพื้นที่เคมีและพื้นที่ดินเปรี้ยว ซึ่งได้บริจาคให้กับ โครงการฟาร์มสร้างสุขรามาธิบดี จนปัจจุบัน พื้นที่ดังกล่าวได้รับการพัฒนากลับกลายเป็นพื้นที่ต้นแบบ ในการทำเกษตรอินทรีย์ และให้ผลผลิตที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพแก่คนไทยเป็นอย่างยิ่ง ภายในพื้นที่ 30 ไร่ แบ่งออกเป็นปลูกไม้ยืนต้น 5 ไร่ ปลูกผักและอื่นๆ 10 ไร่ เป็นพื้นที่นา5 ไร่ และพื้นที่น้ำ 10 ไร่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีพื้นที่อาคารอเนกประสงค์ แปลงสาธิต โซนปุ๋ยหมัก โรงเพาะเห็ด เล้าเลี้ยงไก่บนแคร่ และแปลงผักสวนครัว
นางสาวรัตน์ปราณี กรมไทยสงค์เกษตรกรผู้เชี่ยวชาญประจำฟาร์ม ทำหน้าที่เป็นทั้งที่ปรึกษาของฟาร์มและช่วยบริหารจัดการภาพรวมภายในฟาร์ม ที่เข้ามาเริ่มต้นในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่แรก เล่าให้ฟังว่า เราพยายามแก้ปัญหาเรียนรู้เพิ่มเติมมาเรื่อยๆ โดยใช้หลักเกษตรประณีต คือทำพื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด มาถึงวันนี้เห็นต้นไม้ทุกอย่างมันใหญ่ขึ้น ดินดีขึ้นทุกอย่างพัฒนาขึ้นทั้งหมด เห็นทีไรเราก็รู้สึกภูมิใจต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ภารกิจของคณะ มี 3 ด้าน ได้แก่ การฝึกอบรมบุคลากรออกไปรับใช้สังคมในด้านการแพทย์ หากไปรักษาสุขภาพเพียงอย่างเดียวไม่ใช่การเป็นหมอที่ดี ดังนั้นการเข้าใจระบบเกษตรของประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้ เป็นงานวิจัยที่ต้องทำร่วมกับเอกชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และภารกิจสุดท้าย คือมีหน้าที่ให้การบริการวิชาการ โครงการฟาร์มสร้างสุขรามาธิบดี คือการสร้างความรู้และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชุมชน รวมถึงให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน โดยหวังว่า การพัฒนาในครั้งนี้เป็นประโยชน์และเป็นส่วนเสริมให้รามาธิบดี เป็นคณะแพทย์ชั้นนำในระดับสากลต่อไป
โครงการฟาร์มสร้างสุขรามาธิบดี เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปรับปรุงพัฒนาเพื่อนำผลผลิตส่งต่อไปสู่ผู้ป่วย และบุคลากร โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้มีโอกาสเข้าถึงอาหารที่ปลอดสารเคมี
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่าสสส. ที่มีหน้าที่ส่งเสริมสุขภาพ ผ่านการทำปัจจัยเสี่ยงต่างๆ หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงนั้นคือ อาหาร โดย สสส. ต้องดูตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง คือตั้งแต่ ฟาร์มจนถึงปาก ไม่ได้ทำเพียงลดหวานมันเค็มเท่านั้น แต่ดูที่ต้นทางที่จะสามารถพัฒนาให้เกิดแหล่งปลูกผักผลไม้ที่ปลอดภัย อยู่ในระบบเกษตรได้อย่างสมดุล ซึ่งปัจจุบันถือว่ามีผลสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องพัฒนาต่อ ให้เกิดฟาร์มยั่งยืนและเพิ่มผลผลิต ให้มากกว่านี้ โดยในระยะต่อไปเราจะขยายแนวคิดนี้ไปสู่พื้นที่อื่นๆ เพื่อนำไปสร้างพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและไร้ประโยชน์ ให้สามารถเอามาปลูกผักผลไม้เพื่อที่จะบริโภคได้ เช่น ฟาร์มสร้างสุขแห่งนี้
ดร.นรีมาลย์ นีละไพจิตร ผู้รับผิดชอบโครงการฟาร์มสร้างสุขรามาธิบดี กล่าวว่า เบื้องต้นได้ นพ.อภิสิทธิ์ ธำรงวรางกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุบลรัตน์ ศิษย์เก่าแพทย์รามาธิบดี และปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน คือ พ่อคำเดื่องภาษี มาร่วมด้วยช่วยกันช่วยแก้ไขและปรับพื้นที่ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ จะเป็นคนในชุมชนและปราชญ์ชาวบ้านส่วนใหญ่ และผลผลิตที่ได้จะนำเข้าครัวรามาธิบดี เพื่อสร้างเสริมสุขภาพให้กับผู้ป่วยต่อไป ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ เรากำลังบรรจุสิ่งเหล่านี้เข้าไปในวิชาหลักของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพราะมองว่าใช้เกษตรเป็นทางผ่านในการให้เขาเหล่านั้นเรียนรู้ชีวิต และได้ถอดบทเรียนก่อนให้พวกเขาลงไปสู่การทำงานจริง
โครงการฟาร์มสร้างสุขรามาธิบดีนอกจากจะสร้างผลผลิตแล้ว ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่นักศึกษา องค์กร และประชาชนทั่วไป ในการปลูกผักและสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นต้นแบบและกำลังใจสำคัญ ให้อีกหลายๆ พื้นที่ที่ต้องการใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นประโยชน์อีกด้วย
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี