ใครที่ไปเยือนเชียงใหม่ คงจะเห็นได้ว่าเมืองเชียงใหม่ในวันนี้กลายเป็นพื้นที่อุดมไปด้วยนวัตกรรมทางความคิดมากมายที่มีเป้าหมายต่อการเปลี่ยนเมือง ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานของ เอกลักษณ์ของชุมชนและผู้คนที่มีความตื่นตัว เพื่อสร้างให้เมืองมีชีวิต โดยความร่วมมือของกลุ่มภาคประชาสังคม กลุ่มจิตอาสา และตัวแทนจากหลายองค์กร รวมเครือข่ายกันอย่างเข้มแข็ง ภายใต้ชื่อ Spark U Lanna ซึ่งใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนการทำงานระหว่างภาคีเครือข่าย 3 ภูมิภาค อันเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับพื้นที่อื่นๆ เพื่อวางแนวทางการขับเคลื่อนในระยะถัดไป
ดร.จิรพร วิทยศักดิ์พันธุ์ คณะกรรมการบริหารแผนสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า จุดเด่นของกลุ่มเครือข่าย Spark U Lanna คือภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง ยึดโยงกันเป็นเครือข่าย ที่สำคัญคือการเปิดพื้นที่และโอกาสให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในกระบวนการสื่อและพื้นที่สร้างสรรค์ในประเด็นต่างๆ ทั้งสิ่งแวดล้อมเมือง การฟื้นฟูวัฒนธรรมล้านนา รวมทั้งการเผยแพร่ผ่านนักสื่อสารทั้งกิจกรรมการอ่าน ดนตรี และศิลปะกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่หันมาร่วมใจกันอนุรักษ์ และสืบสานวัฒนธรรมพื้นบ้านให้มีความร่วมสมัยอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นมิติการทำงานรูปแบบใหม่ที่ท้าทาย น่าสนใจและเต็มไปด้วยพลังแรงบันดาลใจของพลังภาคประชาสังคมที่แข็งแกร่ง อันจะนำไปสู่เครือข่ายภาคประชาสังคม 3 ภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้โดยการทำงานแทนที่เราจะเคลื่อนแค่กลุ่มเดียว เราเคลื่อนหลายกลุ่มและนำพลังของทั้งหมดทั้งภาคราชการ การปกครองส่วนท้องถิ่นภาคประชาสังคม หรือนักวิชาการ สถาบันการศึกษา ร่วมกันคิดร่วมกันทำก็ขับเคลื่อนสังคมได้ดีขึ้น
ดร.จิรพร วิทยศักดิ์พันธุ์
คุณสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน พูดถึง Spark U Lanna ว่า เริ่มมาจาก Spark U เชียงใหม่ ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปลายปี 2559 โดยมีโครงการย่อยสำคัญๆ เช่น โครงการปลุกใจเหมืองฝายพญาคำ เพื่อฟื้นฟูภูมิปัญญาการจัดการน้ำใน 8 ตำบล โครงการกาวิละสวนชวนอ่าน เปิดพื้นที่สาธารณะในค่ายกาวิละ ให้เป็นห้องสมุดมีชีวิต โครงการ ช่วยข่าด้วย ซึ่งเป็นความพยายามของคนหนุ่ม-สาวเพื่อร่วมฟื้นฟู เยียวยาคลองแม่ข่า ให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงกว้าง รวมถึงโครงการ เตวแอ่วเวียง เริ่มจากปิดถนนเดินชมเมืองเก่า เป็นโครงการจุดประกายให้ชาวชุมชนให้ลุกขึ้นปรับภูมิทัศน์เมืองและเห็นคุณค่าของชุมชน นอกจากนี้ยังมีโครงการปลูกหมาก ปลูกลานฝากไว้ให้แผ่นดิน เพื่อให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงคุณค่าเชิงวัฒนธรรมของต้นหมาก ต้นลาน เพราะกว่าต้นลานหนึ่งต้นจะเติบโตสูงใหญ่สวยงามต้องใช้เวลานานกว่า 50-60 ปี
คุณชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ผู้ก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา บอกว่า ยุทธศาสตร์สำคัญของการทำงานโครงการ Spark U เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่เมืองให้ดีขึ้น ใน 3 ประเด็นหลัก คือเรื่องสิ่งแวดล้อมเมือง การฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม และการจัดทำสื่อสร้างสรรค์เพื่อกระจายกิจกรรมดีๆ ไปสู่คนในพื้นที่ และในปี 2561 ได้นำขยายผลต่อเชื่อมโยงเครือข่ายสร้างสรรค์ไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงโดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Spark U Lanna ใน 5 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน และอุตรดิตถ์
คุณชัชวาล ย้ำว่า คนมองว่า 2 ปีประสบความสำเร็จเร็ว ต้องบอกว่าเชียงใหม่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เราทำมานานแต่ทำให้เกิดการคิดใหม่ทำใหม่จากการที่เรามีเยาวชน หรือนักกิจกรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในพื้นที่เดิมและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ ให้คนในพื้นที่ได้มองเห็นตัวเอง และสะท้อนคุณค่าออกไปสู่ภายนอกด้วยสื่อสารทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ส่วนการขยายเครือข่าย ต้องหาผู้นำที่เป็นแรงบันดาลใจได้ ต้องมีเครือข่ายที่ชัดเจนให้คนในท้องถิ่นลุกขึ้นมาดูแลบ้านดูแลเมืองของตัวเองให้ได้ ซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเมืองทั้งเมือง ในภาคประชาสังคมเชื่อมโยงกับภาครัฐด้วย
สำหรับการจัดกิจกรรมรุ่นใหม่ที่เป็นหนึ่งในเครือข่าย Spark U Lanna อาทิ โครงการบ้านปันเสียง (The Music Pitch) เป็นกิจกรรมปันความรู้ เสริมทักษะด้านดนตรีสำหรับเด็ก ชายขอบชาวเมียนมากว่า 100 คน ในเมืองเชียงใหม่ ที่ใช้โมเดลความสำเร็จของ “คลองเตยพื้นที่นี้ดีจัง” มาปรับใช้กับพื้นที่วัดทรายมูล(พม่า) เชียงใหม่ ภายใต้การดูแลของ สสส. และ สสย.โดยเครือข่ายนักดนตรีจิตอาสาในเมืองเชียงใหม่ นำโดย ปอ-ภราดล พรอำนวย, ดนตรี-ธนัทคุณ สุสุข และพลอย-พลอยไพลิน เกษมสุข รวมทั้งจิตอาสาอีกหลายคนใช้เวลาช่วงวันหยุดไปสอนศิลปะ ดนตรี และความรู้ทั่วไปเพื่อเสริมประสบการณ์ชีวิตเพื่อสร้างโอกาสให้น้องๆ ในการนำทักษะไปต่อยอดในการประกอบอาชีพได้ในอนาคต และเพื่อผลลัพธ์ในเชิงบวกด้านการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และศาสนา โดยใช้ดนตรีและศิลปะเป็นสื่อกลาง
โมเดลของ Spark U Lanna ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้โดยง่าย ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน ใช้ศักยภาพของเครือข่ายแต่ละแห่งอย่าง
เติมเต็มต่อกัน และสิ่งสำคัญคือ “ต้องทำทันที” เพื่อให้เกิดจุดสปาร์คในใจ โดยทั้งเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ในพื้นที่ต้องสามัคคี ปรองดอง ผนึกพลังกันในการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับชุมชนดั้งเดิมจนกลายเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่เข้มแข็ง
โดย...ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี