ไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก

คสช.ยืนยัน

ไว้จัดการพวกแข็งข้อ

กวาดล้างอาวุธสงคราม

ไฟเขียวทีนิวส์-วอยซ์ทีวี

ออกอากาศ/ห้ามทำวุ่นวาย

หมายจับ3นปช.เชียงราย

ขึ้นป้ายประเทศล้านนา

พ.อ.วินธัย สุวารีรองโฆษกกองทัพบก ในฐานะคณะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ชี้แจงเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน กรณี ยกเลิกมาตราการเคอร์ฟิวส์ว่า เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แนวโน้มการใช้ความรุนแรงเหตุความรุนแรงลดระดับลง และไม่เกินกว่าระดับที่เจ้าหน้าที่ได้ประเมินไว้รวมถึงประชาชนเริ่มมีความปลอดภัยมากขึ้น คงเหลือเพียงเรื่องการลักลอบครอบครองอาวุธสงคราม ที่ยังพบอยู่ต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก  ซึ่งเจ้าหน้าที่คงต้องกวดขันด้วยความเข้มงวดต่อไป

"ถ้าสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยสามารถคงระดับได้ในลักษณะนี้ทาง คสช. ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตราการเคอร์ฟิวมาเสริม แต่ถ้าไม่สามารถคงระดับเช่นนี้ไว้ได้ คงต้องพิจารณากันอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เข้าใจ ต่อความจำเป็นในการใช้มาตราการต่างๆรวมถึงได้ให้ความร่วมมือกับ คสช.เป็นอย่างดีด้วย"พ.อ.วินธัย กล่าว

คงกฎอัยการศึกคุมพวกต้าน

ด้าน น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีม คสช.อีกคนหนึ่ง กล่าวถึงการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักร ว่าการข่าวจากฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง ประเมินร่วมกันแล้วว่าสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ปรากฎว่ามีความเคลื่อนไหว ในลักษณะต่อต้าน คสช. จึงต้องการสร้างบรรยากาศที่ดี และผ่อนคลายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว แต่หากพื้นที่ใด มีการเคลื่อนไหว ที่กระทบต่อความมั่นคง คสช.อาจจะพิจารณากลับมาประกาศใช้ได้อีกเป็นรายพื้นที่

“ขณะนี้ยังมีกฎอัยการศึก ควบคุมทุกพื้นที่อยู่ เพียงแต่จะเน้นใช้กฎหมายปกติ ดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาพบว่าในช่วงการประกาศเคอร์ฟิว สถิติการกระทำผิดกฎหมาย ทั้ง การจราจร การพนัน อาชญกรรมลดลง ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนนำสิ่งดี ที่ปฏิบัติในช่วงประกาศเคอร์ฟิวมาใช้ต่อไป เพื่อสร้างบรรยากาศของเมืองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น”

บึ้มพระราม9ไม่เกี่ยวเลิกเคอร์ฟิว

ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดเหตุระเบิดที่แยกพระราม9เมื่อคืนวันที่ 13มิ.ย.ว่าจากการตรวจสอบพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นชนิดสังหารแบบขว้าง RGD5ซึ่งผลิตในประเทศรัสเซียโดยจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นพบว่ามีเฉพาะรถ3คันเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าระเบิดดังกล่าวมาจักที่ไหนหรือมีวัตถุประสงค์อย่างไร แต่คาดว่าอาจจะมีคนนำมาทิ้งไว้และรถเกิดไปทับจึงทำให้เกิดเหตุระเบิดขึ้นหรืออีกกรณีคือสันนิษฐานอีกอย่างว่า อาจจะเกิดการทะเลาะระหว่างกลุ่มวัยรุ่น  แต่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวเพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุคือเวลา19.15น.

จากการประเมินสถานการณ์ของ หน.คสช.นั้นคิดว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และไม่มีคนหรือกลุ่มใดเข้ามาเพื่อสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ การประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวนั้นทาง คสช.คงจะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหว จึงประกาศยกเลิกและการที่คนเอามาทิ้งนั้น ไม่หวังมุ่งถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้นและรวมถึงไม่มีสิ่งบอกเหตุที่ระเบิดจะเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่จะนำประเด็นนี้เข้ามาเชื่อมโยงในการสืบสวนสอบสวนด้วย

ชี้พิมพ์3นิ้วในธนบัตรผิดกม.

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น.กล่าวถึงมีผู้โพสต์รูปภาพ การประทับสัญลักษณ์ชู 3นิ้วต่อต้านรัฐประหารลงในธนบัตรนั้นว่าจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเงินตราเพราะหากธนบัตรถูกกระทำจนมีความหมายเปลี่ยนไปเช่นธนบัตรใบละ1,000บาท พอประทับตราสัญลักษณ์ลงไปอาจจะเป็นธนบัตร100บาท ถือว่าเงินชำรุดไม่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ ส่วนผู้ที่ได้ธนบัตรนี้ไปแล้ว ร้านค้าไม่ยอมรับชำระ สามารถนำธนบัตรไปแลกได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทั้งหมดโดยเจ้าหน้าที่จะออกธนบัตรให้ใหม่เท่าจำนวนธนบัตรที่ได้รับความเสียหาย โดยบนธนบัตรมีรูปประมุขของประเทศ เป็นความภาคภูมิใจ ผู้ที่กระทำไม่สมควรอย่างยิ่งซึ่งจะติดตามสืบสวนหาผู้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

ขู่เอาผิดพวกต่อต้านคสช.

สำหรับการชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ตามที่ประกาศไว้ว่าหากมีการรวมตัวตั้งแต่5 คนขึ้นไปแล้วแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านถ้าหากออกมาไม่ครอบ5คนหรือกล่าวคือออกมา3คนไม่ถึง5คนนั้นก็จะมีความผิด หากการกระทำนั้นสมรู้ร่วมคิดมีการตัดสินใจ มีการตกลงใจร่วมกันซึ่งถ้ามาจากแหล่งเดียวกันทำสัญลักษณ์เดียวกันแปลว่าบุคคลเหล่านั้นมีเจตนาร่วมกันที่จะกระทำถึงแม้จะไม่ครบ5คนในพื้นที่ แต่หากนำมารวมกัน ถ้าครบ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน 

ส่วนในวันอาทิตย์ที่15 มิ.ย.นี้ที่จะมีการฉายภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรฟรีซึ่งในสื่อออนไลน์มีคนโพสต์ว่าจะไปนั่งดูแล้วสักประมาน20นาทีแล้วจะออกมาฉีกตั๋วหนังหรือแสดงสัญลักษณ์หน้าโรงหนังเพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยจึงอยากจะฝากถึงคนเหล่านั้นว่าคนที่อยากดูก็มีเยอะ อย่าไปใช้สิทธิ์โดยไปขวางสิทธิ์ของคนอื่นซึ่งตนได้เตรียมกล้องวงจรปิดมีเจ้าหน้าที่ทหารกับตำรวจคอยบันทึกภาพ ถ้าเกิดมีการชุมนุมทางการเมืองก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ศาลทหาร ฝากขัง’ทอมดันดี’

ในช่วงเช้าวนเดียวกัน พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.เดินทางมาบก.ป.เพื่อประสานกับพ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เบิกตัวผู้ต้องหารวม4 คนประกอบด้วย1.นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือพันทิวา ภูมิประเทศ หรือ ทอม ดันดี นักร้องนักแสดงชื่อดัง 2.น.ส.จิตรา คชเดช เจ้าของถ้อยคำ ดีแต่พูด ซึ่งทั้ง2คนเป็นผู้ต้องหาไม่มารายงานตัวตามหมายเรียกของ คสช.และ3.นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ 4.นายสุรสิทธิ์ ม่วงศิริ ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุมเกิน5 คน เพื่อเดินทางไปฟ้องศาลทหารกรุงเทพ

ชูนิ้ว3นิ้วสัญญลักษณ์ฉันรักเธอ

เมื่อถามนายทอม ดันดีว่านอนห้องขังกองปราบฯมา2คืนแล้วรู้สึกยังไง นายทอมตอบอย่างอารมณ์ดีว่านอนหลับสบายดี และช่วงรอขึ้นรถ ทอม ดันดี ได้ชูนิ้วโป้งให้ช่างภาพถ่ายรูปก่อนได้รับคำแนะนำให้ชูนิ้ว 3 นิ้วสัญญลักษณ์ ฉันรักเธอ แบบเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ยกนิ้วชูให้สื่อมวลชนถ่ายเมื่อวานนี้แทนซึ่งผู้ต้องหา3คนต่างก็ยินดีทำตาม แต่โดยดี ยกเว้น น.ส.จิตรา ไม่ยอมทำตามคนอื่น

โพลล์เชื่อ”มั่นคืนความสุข”

วันเดียวกัน ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ,ดร.กุลธิดา เสาวภาคย์พงศ์ชัย กรรมการรองผู้อำนวยการและอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการ สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ร่วมแถลงข่าวผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด1,134คน เมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแผนการคืนความสุขให้ประเทศของ คสช.3ระยะ

โดยระบุ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ79.67 เห็นด้วยกับแผนการ3ระยะของการนำประเทศไปสู่ความสงบสุขที่ผู้บริหารประเทศในปัจจุบันได้ชี้แจงสู่สาธารณะและหากแผนการ3ระยะของ การนำประเทศไปสู่ความสงบสุขที่ผู้บริหารประเทศในปัจจุบันได้ชี้แจงสู่สาธารณะดำเนินการสำเร็จ

กลุ่มตัวอย่างมากกว่า2ใน3 หรือคิดเป็นร้อยละ69.33 เชื่อมั่นว่าประเทศจะกลับมามีความสงบสุขอีกครั้ง ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างเกือบสาม ในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 73.44 มีความคิดเห็นว่าระยะเวลาประมาณ 15 เดือนในการดำเนินแผนการ 3 ระยะของการนำประเทศ ไปสู่ความสงบสุขที่ผู้บริหารประเทศในปัจจุบันได้ชี้แจงสู่สาธารณะนั้นเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป

หนุนต้องปฎิรูปการเมือง

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบความสำคัญของการปฏิรูปใน4ด้านที่จะทำให้ประเทศเกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึงเกือบหนึ่งในสามหรือคิดเป็นร้อยละ32.67ระบุว่าการปฏิรูปด้านการศึกษามีความสำคัญที่สุดที่จะทำให้ ประเทศเกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืน ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 26.09 ที่ระบุว่าการปฏิรูปด้านการเมืองมีความสำคัญที่สุด ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 13.04 และร้อยละ 9.05 ระบุว่าการปฏิรูปด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.15 ระบุว่าการปฏิรูปทั้ง 4 ด้านมีความสำคัญเท่ากัน

เน้นให้ข้อมูลการศึกษา

สำหรับปัจจัยสำคัญสูงสุด3 ปัจจัยตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างที่จะทำให้ประเทศมีความสงบสุขได้อย่างยั่งยืนคือ การให้การศึกษาที่มีคุณภาพ ทั่วถึงและเท่าเทียม คิดเป็นร้อยละ 82.28 การได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รอบด้าน คิดเป็นร้อยละ 79.89 และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม คิดเป็นร้อยละ 76.72  ส่วนอุปสรรคสำคัญ 3 อันดับสูงสุดที่จะทำให้ ประเทศไม่เกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืนตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ การไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและ เท่าเทียม คิดเป็นร้อยละ 81.31 การทุจริตคอรัปชั่น คิดเป็นร้อยละ 79.19 และการได้รับข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนไม่ครบถ้วน ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ 77.34

เชียงรายเข้มกวาดล้างอาวุธ

จ.เชียงราย ที่ห้องประชุม 1พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย (กกล.รส.จทบ.ชร.)แถลงผลการปฏิบัติงานของ รส.จทบ.ชร.โดยได้สรุปขั้นตอนการดำเนินงานของคสช.และนโยบายเร่งด่วนและการดำเนินการควบคู่ของคสช.จากนั้นได้แถลงผลการปฏิบัติงานในพื้นที่ว่าสามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานตั้งแต่วันที่ 22พ.ค.จนถึงปัจจุบันได้555คน แยกเป็นชาย 412 คนและหญิง143 คนเป็นวัยรุ่นกว่า70%สถานบันเทิงฝ่าฝืน9แห่ง

ส่วนกรณียกเลิกการห้ามออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังจะร่วมกันทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง เข้มงวดกวดขันสถานบันเทิงต่างๆไม่ให้เปิดเกินเวลาตามที่กฎหมายกำหนดโดยเฉพาะป้องกันการเล่นการพนันช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกด้วย.

หมายจับ3เสื้อแดงเชียงราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีคดีติดป้ายข้อความว่า"ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กูขอแยกเป็นประเทศล้านนา"ขนาดป้ายกว้างประมาณ 1เมตรยาว ประมาณ10เมตรบนสะพานลอยข้ามถนนพหลโยธิน หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าสาขาเชียงราย ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย และเมื่อวันที่ 26 ก.พ.และบริเวณหน้าตลาดป่าก่อดำ ต.ป่าก่อดำ อ.แม่ลาวเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา จนทางทหารจากจังหวัดทหารบกเชียงรายไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยเอาไว้กับพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุแต่เรื่องยืดเยื้อมานานกว่า3เดือน หลังมีการยึดอำนาจการบริหารประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)คดีจึงเริ่มเดินหน้า

คณะกรรมการคลี่คลายคดีดังกล่าวนำโดยตำรวจ ภ.เชียงราย ได้เดินหน้าในคดีดังกล่าวแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นต่อศาลจ.เชียงราย ขออนุมัติหมายจับบุคคล3คนคือนายถนอมศรี นามรัตน์ นายออด สุขตะโก หรือลุงออดหมวกใหญ่ และนายสุขสยาม จอมธาร แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ใช้ชื่อว่ากลุ่มแม่สรวยรักประชาธิปไตยในคดี"ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงออกความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร"

ในที่สุด เมื่อวันที่13 มิ.ย.ศาลจังหวัดเชียงรายได้อนุมัติหมายจับแล้วทำให้พนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุได้ส่งหมายไปยัง สภ.แม่สรวย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลทั้ง 3 เพื่อทำการควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ทิ้งM-79ระเบิดมือข้างทาง

เมื่อเวลา12:00น.ร.ต.ท.วิญญู ปัญญาวิรพร พนักงานสอบสวนเวร สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว รับแจ้งจากผูใหญ่บ้าน ม.3 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประทศ จ.สระแก้วว่ามีชาวบ้านที่ไปหาหน่อไม้ไปพบกระเป๋าหนังชนิดสะพาย สีน้ำตาล ต้องสงสัยถูกวางทิ้งอยู่ บริเวณก่อไผ่ข้างทางติดกับไร่มันสำปะหลัง ของชาวบ้านหลังโรงเรียน ส.ไทยเสรีอุตสาหกรรม 3 เขตเทศบาลตำบลป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.กริช ปัตลา ผกก.สภ.คลองลึก ,พ.ต.ท.จตุรภัทร  สิงหัษฐิต สวป.สภ.คลองลึก และ พ.ต.ชาญ  ว่องไวเมธี  ผบ.ร้อย ทพ.1207 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา นำกำลัง รีบรุดไปตรวจสอบ พบกระเป๋าหนังชนิดสะพาย สีน้ำตาล วางอยู่ข้างก่อไผ่ มีประชาชนมุงดูอยู่ใกล้ๆจึงเข้าทำการตรวจสอบกระเป๋าหนังพบภายในกระเป๋ามี ลูกระเบิดชนิดยิง ขนาด40มม.หรือM79 จำนวน 9ลูก ,ลูกระเบิดมือชนิดขว้าง M67 จำนวน 1 ลูก ,ลูกระเบิดมือชนิดขว้างผลิตในจีนแดง จำนวน 1 ลูก รวมทั้งหมด 11 ลูก อยู่ในสภาพยังใหม่และพร้อมใช้งาน จนท.ตร.จึงเก็บกู้และตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสืบสวนหาเจ้าของต่อไป จากการสอบสวน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเป็นของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือผู้ที่ซื้อมาจากฝั่งกัมพูชากลัวทหารจะเข้าตรวจค้นตามคำสั่งของคสช.จึงได้นำมาทิ้งไว้ข้างกอไผ่ดังกล่าว

ดูหนังพระนเรศวรกระหึ่ม

เมื่อเวลา 17.00 น.ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. เป็นประธานในการจัดกิจกรรม "คืนความสุขให้คนในชาติ"พร้อมจัดให้มีการชมภาพยนตร์รอบพิเศษเรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคที่ 5 ตอนยุทธหัตถี" เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของกองทัพ ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ทางการเมืองรวมทั้งปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรักความสามัคคีและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านการชมภาพยนตร์

โดยมีพ.ท.วันชนะ สวัสดี หรือผู้พันเบิร์ด ซึ่งรับบทเป็นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รวมทั้งพ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคสช.ที่รับบทเป็นพระเอกาทศรศ พร้อมด้วยนักแสดงนำในภาพยนตร์เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ยังมีเวทีกิจกรรม "คืนความสุขให้คนในชาติ" บริเวณลานพาร์คพารากอน ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารบกพร้อมการแสดงโชว์จากนักแสดงในเรื่องและจุดถ่ายรูปกับประชาชนที่มาร่วมงาน

ส่วนกิจกรรม "คืนความสุขให้ประชาชน" ด้วยการชมภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฟรีทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนนี้ จะจัดให้มีการชมรอบเดียวทุกโรงภาพยนตร์ในเวลา 11.00 น. โดยสามารถรับตั๋วชมภาพยนตร์ได้ที่หน้าโรงภาพยนตร์ ซึ่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นความร่วมมือจากหม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ รวมถึงเครือบริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล และโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ในการเข้าร่วมโครงการคืนความสุขให้ประชาชน โดยไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าตั๋ว หรือหักจากภาษีของประชาชนแต่อย่างใด

ไฟเขียววอยซ์ทีวี-ทีนิวส์แพร่ภาพ

เมื่อเวลา 20.35 น. คสช.ได้ประกาศ คสช. ฉบับที่ 65/2557 อนุญาตให้สถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี และ ทีนิวส์ อากาศรายการประจำของสถานีได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังออกประกาศ คสช.ฉบับที่ 66/2557 อนุญาตให้สถานีวิทยุกระจายเสียงที่ทดลองออกอากาศเปิดการกระจายเสียงได้ตามปกติ และทั้งหมดต้องทำตามประกาศของ คสช.ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าห้ามนำเสนอข่าวให้เกิดความแตกแยกในสังคมอย่างเคร่งครัด

สั่งเข้มดูแลทรัพยากรป่าไม้

จากนั้น ยังมีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 64 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการหยุดยั้งทรัพยากรป่าไม้ โดยให้ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองกำลังป้องกันชายแดนของกองทัพบก และกองทัพเรือ ตลอดจนหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามถือกระทำการใดๆให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่า ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบกิจการแปรรูปไม้ติดตามผลคดี และเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย