หมายจับเบี้ยวรายงานตัว

ล่ายกแก๊ง

26คน-โยง“หมิ่นสถาบัน”

“ใจ-จักรภพ-โรส-ตั้งอาชีวะ”

คุกต่อ“ลายจุด”วืดประกัน

ตร.หว่านสินบนรูปละ500

มัดม็อบชุมนุมต้าน“คสช.”

“สมยศ”สางอาวุธสงคราม

เมื่อวันที่ 23มิถุนายน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2รอ.นำหนังสือร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.และพ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับ 28 ผู้ต้องหาที่ฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่เข้ารายงานตัวตามกำหนดเวลา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนขออนุมัติหมายศาล ซึ่งต่อมาศาลทหารกรุงเทพ ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 28คนไว้แล้ว

                หมายจับ28คนไม่รายงานตัว

                สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดประกอบด้วย 1.นายขรรค์ชัย บุนปาน 2.นายใจลส์ ใจ อึ๊งภากรณ์ 3.นายจักรภพ เพ็ญแข 4.นายพิษณุ พรหมสร 5.นายเนติ วิเชียรแสน 6.นายองอาจ ธนกมลนันท์ 7.นายอำนวย แก้วชมภู 8.นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน 9.นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ 10.นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ11.นายเสน่ห์ ถิ่นแสน 12.นายภิเษก สนิทธางกูร 13.นายสันติ วงษ์ไพบูลย์ 14.นางมนัญชยา เกตุแก้ว 15.นางฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส 16.นายจุติเทพ หรือเลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์ 17.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ 18.นายอุสมาน สะแลแมง 19.นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 20.นายชัยพฤกษ์ สมานรักษ์ 21.นายรังสฤษฎิ์ ธิยาโน 22.นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ 23.นายยงยุทธ บุญดี 24.นายอัมรา วัฒนกูล 25.นายเกษมสันติ จำปาเลิศ 26.นายนิทัช ศรีสุวรรณ 27.น.ส.นุ่มนวล ยัพราช 28.นายวิระศักดิ์ โตวังจร ทั้งนี้ ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.มีโทษจำคุกไม่เกิน 2ปี ปรับไม่เกิน 4หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

                ถอน“ขรรค์ชัย-นิทัช”เหลือ26

                บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.ได้เตรียมยื่นคำร้องขอถอนหมายจับ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ไม่เข้ารายงานตัวตามกำหนด เนื่องจาก นายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ได้ส่งเอกสารใบรับรองแพทย์และหนังสือชี้แจงว่า ขณะนี้ นายขรรค์ชัย มีอาการป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจที่ รพ.กรุงเทพ เป็นเหตุให้ไม่สามารถเข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ได้

                พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นายขรรค์ชัย ไม่มีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.และเอกสารประกอบที่ส่งมาถือเป็นหลักฐานใหม่ ซึ่งเป็นสาระสำคัญในคดี เพื่อความเป็นธรรม จึงนำมาประกอบสำนวนในการยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนหมายจับ นายขรรค์ชัย ซึ่งต่อมาศาลทหารอนุญาตให้ถอนหมายจับ นายขรรค์ชัย และ นายนิทัช ศรีสุวรรณ ที่ได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปรายงานตัวต่อ คสช.ตามกำหนด ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุมัติให้ถอนหมายจับตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอเช่นกัน ทำให้มีผู้ถูกออกหมายจับในชุดเดียวกันเหลือ 26 ราย

                “โรส”เย้ยได้พลาสปอร์ตผู้ดีเเล้ว

                ขณะที่ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส ผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112และอยู่ระหว่างการดำเนินการจับกุม ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Chatwadee Rose Amornpat มีใจความว่า "ฉันอยู่ในวันหยุดholiday ในขณะนี้ในภาคใต้ของฝรั่งเศส มันเป็นภูมิประเทศที่สวยงามมาก ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกเทพนิยาย สัปดาห์หน้าฉันจะไปนอร์เวย์เพื่อที่จะพบกับเพื่อนเสื้อแดงบางคน หนังสือเดินทางอังกฤษของฉันได้รับการต้อนรับจากทุกประเทศ"

                ขังต่อ'ลายจุด'ผลัด2-แห้วประกัน

                ที่ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามและเจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัว นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง มาขออำนาจศาลทหารฯฝากขังผลัดที่2 หลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก 12วันในวันที่ 23มิถุนายนนี้ จากกรณีฝ่าฝืนคำสั่งให้มารายงานตัวของ คสช.รวมทั้งกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116และพรบ.คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม นายอานนท์ นำพา ทนายความของ นายสมบัติ ได้เดินทางมาศาลทหาร เพื่อขอยื่นประกันตัว ต่อมา เวลา 14.20น.นายอานนท์ ให้สัมภาษณ์หลังยื่นขอประกันตัวว่า ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเห็นว่า นายสมบัติ ยังมีหมายจับอีกหลายคดี จึงอนุญาตให้ฝากขังอีก 12วัน โดยวันที่ 4กรกฎาคมนี้ ทีมทนายสามารถยื่นเรื่องของประกันตัวอีกครั้ง ทั้งนี้ นายสมบัติ ระบุว่าหากได้รับประกันตัวจะขอยุติบทบาททางการเมือง เพื่อไปอยู่กับครอบครัว

                ห่วง"กินแซนวิช-อ่านหนังสือ"

                ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)มอบหมายให้ พล.อ. อุดมเดช  สีตะบุตร เลขาธิการ คสช.เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าในส่วนงานที่รับผิดชอบของ คสช.โดยที่ประชุมได้รายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ยังคงติดตามจับกุมผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธและกระสุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวถึงกลุ่มที่ออกมาต่อต้านการทำงานของ คสช.ด้วยการนั่งกินแซนดวิชและอ่านหนังสือ โดย คสช.ฝากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องใช้ดุลพินิจหามาตราการดำเนินการที่เหมาะสม โดยให้พิจารณาเป็นกรณีว่า มีความจำเป็นที่ต้องเข้าจับกุมทันทีหรือไม่ เพราะอยู่ท่ามกลางสาธารณชน หรือจะพิจารณาบันทึกภาพไว้ก่อน แล้วค่อยมาดำเนินการในภายหลัง  แต่หากไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดห่วงว่า สถานการ์จะบานปลายรุกลามได้

                ตำรวจตั้งสินบน500รูปต้านคสช.

                ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงการเตรียมรับมือกับกลุ่มที่จะรวมตัวกันแสดงกิจกรรมทางการเมืองในวันที่ 24มิถุนายน ว่า จากการข่าวพบว่า จะมีกลุ่มบุคคลรวมตัวกันแสดงกิจกรรม เพื่อรำลึกถึงวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24มิถุนายน2475 ซึ่งจัดขึ้นทุกปี โดยมวลชนจะทำกิจกรรมที่ถนนราชดำเนินและวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยทหารและตำรวจ จะจัดกำลังดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและจะอยู่ในที่ตั้งคอยสังเกตุการณ์เพื่อไม่ให้มีการแสดงออกที่ละเมิดกฎหมาย ทั้งนี้  ได้ตั้งรางวัลนำจับผู้กระทำผิดกฎหมาย ถ้าบุคคลใดสามารถถ่ายภาพคนที่แสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน หรือทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ จะให้เงินรางวัลบุคคลที่ถ่ายภาพๆละ 500บาท

                ศาลอาญาให้ประกันตัว“อมร”

                วันเดียวกัน ศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์ ที่เดิมศาลเคยมีคำสั่งเพิกถอนประกันตามที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวบรวมหลักฐานที่ นายรัชต์ยุตม์ ได้ร่วมชุมนุมกับแกนนำ กปปส.ไปปิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)และกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อปลายปี2556 อันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว  ทั้งนี้ นายรัชต์ยุตม์ ได้เข้ารายตัวต่อศาลในวันที่ 23มิถุนายนแล้วและศาลเห็นว่าเนื่องจากช่วงที่ศาลเรียกให้ไปรายงานตัวนั้น ทางคสช.ได้มีคำสั่งเรียกให้ไปรายงานตัวเช่นกัน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อ คสช.เข้าบริหารราชการแผ่นดินให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยเป็นอันดีแล้ว ไม่น่ามีเหตุที่จำเลยจะกระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้ในการปล่อยชั่วคราว จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยอีกสักครั้ง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 6แสนบาท พร้อมทั้งมีเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการลักษณะเยั่วยุ ปลุกปั่นหรือปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและห้ามจำเลยทั้งสองเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

                ตั้ง“สมยศ”สะสางคดีทิ้งอาวุธ

                ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบ.ตร.(รรท.ผบ.ตร.) มีคำสั่งที่312/2557 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน กรณีจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธสงครามและระเบิด ตั้งแต่เดือนมีนาคม2557 เป็นต้นมา ทั้งนี้ หนังสือสั่งการระบุว่า นับแต่เดือนมีนาคม มีคดีเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว 10คดีสำคัญ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงหลายพื้นที่ ยุ่งยากซับซ้อน เชื่อว่ามีการกระทำในรูปขบวนการ มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลดำเนินการหรือให้การสนับสนุน เพื่อให้การสืบสวนสอบสวน ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ผบช.ภ.1 เป็นรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนสอบสวน พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก. เป็นรองฯและพล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 เป็นรองฯ

                ยึดระเบิดหลายชนิดที่ระยอง

                ด้าน ร.ต.อ.สากล คำยิ่งยง ร้อยเวร สภ.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบอาวุธสงคราม ถูกทิ้งไว้ที่บ้านร้าง ซอยช่องนาง-บ้านกรูน หมู่1 ต.แกลง จึงรุดไปตรวจสอบพบถุงพลาสติกสีขาววางอยู่ใต้ต้นไม้ข้างบ้านร้าง เมื่อเปิดตรวจสอบภายในพบกระสุนปืนอาร์พีจี 2ลูก ระเบิดเอ็ม79 จำนวน 1 ลูก ระเบิดขว้างเอ็มเค 2 จำนวน 1 ลูก ระเบิดไทค์ขนาด 12x2 จำนวน 1ลูก ระเบิดเอ็ม28 จำนวน 1ลูกและระเบิดขว้างเอ็ม26เอ10 อีก 1ลูก

สันนิษฐานน่าจะเป็นแก๊งวัยรุ่น หรือผู้มีอิทธิพลเตรียมไว้ก่อเหตุคู่กรณี แต่เนื่องจากเกรงกลัวความผิดตามคำสั่งของคสช.จึงรีบนำมาทิ้งไว้ ซึ่งจะส่งไปพิสูจน์อีกครั้งและเร่งจับกุมผู้นำมาทิ้งต่อไป

                เด้ง2ผกก.โคราชเซ่นบ่อนพนัน

                ขณะที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก รรท.ผบช.ภ.3 เปิดเผยถึงการเข้มงวดปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันและการทายผลฟุตบอลโลกในภาคที่ 8จังหวัดอีสานตอนล่างว่า ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สรวิศ เพ็ชรคำ ผกก.สภ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมาและพ.ต.อ.สมชาย ภูการุณย์ ผกก.สภ.โนนไทย จ.นครราชสีมา มาช่วยราชการที่ บก.อก.ภ.3 หลังมีการบุกจับบ่อนการพนัน 2อำเภอ โดยที่ อ.ปักธงชัย ได้นักพนัน 25คนและที่ อ.โนนไทย จับได้ 32คน มีกำหนด 30วัน นับตั้งแต่วันที่ 19มิถุนายนเป็นต้นไป เพราะขาดประสิทธิภาพป้องกันและปราบปรามตามนโยบาย คสช.และตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2โรงพัก เพื่อให้โรงพักอื่นๆเอาใจใส่มากขึ้นในการดูแลพื้นที่ให้เป็นไปตามนโยบายของ คสช.และสตช.ตามที่ ผบ.ตร.ให้นโยบายไว้แล้ว