วันเสาร์ ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ย่องไปบวชสายฟ้าแลบ  กำนันเทือก  จำพรรษาวัดสวนโมกข์

ย่องไปบวชสายฟ้าแลบ กำนันเทือก จำพรรษาวัดสวนโมกข์

วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557, 06.00 น.
Tag :
  •  

ย่องไปบวชสายฟ้าแลบ

กำนันเทือก

จำพรรษาวัดสวนโมกข์

อุทิศกุศลให้เหยื่อการเมือง

จับ4มือยิงเอ็ม79ถล่มกปปส.

ซัดทอดลูกสมุน”อารี”จ้าง

กลับลำไม่รื้อรังนกกระจอก

เมื่อเช้าวันที่ 15กรกฎาคม มีรายงานว่า     นายสุเทพ เทือกสุบรรณ   อดีตเลขาธิการกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้เข้าพิธีอุปสมบทอย่างเงียบๆที่วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้คาดว่าเป็นการบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมืองช่วง7เดือนที่ผ่านมา และทันทีที่มีภาพปรากฎในโลกออนไลน์ มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นร่วมอนุโมทนาบุญอย่างมากมาย  อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดหมายกันว่า หลังจากอุปสมบทเสร็จสิ้น"พระสุเทพ"จะไปจำพรรษาที่วัดสวนโมกขพนาราม ในอ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจาก"พระสุเทพ"เคยบวชเรียนที่วัดสวนโปกขพนาราม มาก่อน


'สุเทพ'ย่องบวชเงียบวัดท่าไทร

ทั้งนี้  นายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ทวิตข้อความผ่านทวีตเตอร์ว่า เมื่อคืนวันที่14ก.ค.ที่ผ่านมา นายสุเทพ ยังทานข้าวมื้อค่ำกับพรรคพวกที่กรุงเทพ พอตอนเช้าบินไป จ.สุราษฎร์ธานี ลงเครื่องแล้วเดินทางต่อไปวัดท่าไทร กับคนขับรถ แล้วเข้าพิธีอุปสมบททันที

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบจากคนใกล้ชิดของนายสุเทพ ก็ได้ยอมรับว่า นายสุเทพ ได้เข้าอุปสมบทจริง  ที่วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่  อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฏร์ธานี  เมื่อช่วงเช้าวันที่  15 กรกฎาคม ที่ผ่านมาพร้อมกับหลานชาย    โดยมี พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอุปัชฌาย์ให้ 

ปิดลับแม้แต่น้องชายก็ไม่บอก

อย่างไรก็ตาม การบวชครั้งนี้เป็นไปอย่างลับๆ แม้แต่บุคคลใกล้ชิดเช่น  นายธานี และนายเชน เทือกสุบรรณ 2 น้องชายยังไม่ทราบเรื่อง และมีเพียงอดีต แกนนำกปปส.บางคนเท่านั้นที่ร่วมพิธี  ทั้งนี้ มีรายงานระบุอีกว่า พระสุเทพ มีความประสงค์จะไปบวชที่สวนโมกขพลาราม (วัดธารน้ำไหล) ใน อ.ไชยา  แต่เนื่องจากเป็นช่วงเข้าพรรษาแล้วทางวัด ไม่มีการบวชพระภิกษุสงค์หลังเลยวันเริ่มต้นเข้าพรรษาแล้ว อย่างไรก็ตามภายหลังพิธีอุปสมบทเสร็จสิ้น  ได้ประสานขอไปจำพรรษา ที่สวนโมกขพลารามทันที 

บวชเพื่อต้องการความสงบ

คนใกล้ชิดระบุอีกว่า   เหตุผลของการบวชครั้งนี้เพื่อต้องการความสงบ และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา นายสุเทพ ได้อุทิศตนเพื่อทำงานการเมือง และ เคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับประชาชน จึงทำให้ไม่มีเวลา   อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ที่ คสช. เข้ามาจัดการบ้านเมือง ก็มีนักการเมืองหลายคนได้ ใช้เวลานี้เพื่อบวชเช่นเดียวกัน จึงเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ

จับ4ผู้ต้องหายิงกปปส.ราชดำริ

เวลา 10.00น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.(รรท.ผบช.น.) และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ.ปฏิบัติราชการ บช.น.ร่วมแถลงผลจับกุม นายทวีชัย วิชาคำ, นายสุนทร ผิผ่วนนอก,นายสมศรี มาฤทธิ์และนายชัชวาล ปราบบำรุง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีที่ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนียิงเอ็ม79 ใส่พื้นที่ชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.วันที่ 24กุมภาพันธ์ พร้อมของกลาง 1.รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีทอง หมายเลขทะเบียน ศธ8739กรุงเทพ 2.รถยนต์อีซูซุ มิวเซเว่น สีดำ หมายเลขทะเบียน ศย8904กรุงเทพ3.รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒษ4664กรุงเทพ 4.เครื่องยิงเอ็ม79 จำนวน 1เครื่อง 5.กระสุนเอ็ม79 จำนวน 25 ลูก 6.ปืนเอ็ม16 จำนวน 1กระบอก 7.กระสุนปืนเอ็ม16 จำนวน 70นัด 8.ปืนไรเฟิล 1กระบอกและ9.ลูกระเบิดสังหาร 5ลูก

ใช้กรรมฆ่าเด็ก2พี่น้อง1ผู้สูงวัย

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมดที่จับกุมได้ครั้งนี้ ร่วมกับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ก่อเหตุใช้ปืนเอ็ม79 ยิงใส่พื้นที่การชุมนุมกลุ่ม กปปส.ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3ราย ได้แก่ น.ส.ฐิพาพรรณ สุวรรณมณี อายุ 59ปี ด.ญ.พัชรากร ยศอุบล หรือน้องเค้ก อายุ 6ปีและด.ช.กรวิชญ์ ยศอุบล หรือน้องเคน อายุ 4ปี ขณะเดียวกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 21ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการสืบสวนจนจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้

              ตร.แจ้งดำเนินคดี7ข้อหาหนัก

ด้าน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น 3.ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น 4.มีและใช้วัตถุระเบิดโดยผิดกฎหมาย 5.มีอาวุธปืนและกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 6.พาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต 7.ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชนและฝ่าฝืนประกาศห้ามนำอาวุธออกนอกเคหะสถาน

รับสารภาพสิ้น-จ่อรวบแนวร่วม

ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4คน รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่า ยิงเอ็ม79 จากรถยนต์ซึ่งกำลังวิ่งอยู่บนสะพานข้ามแยกประตูน้ำ ส่วนรายละเอียดการก่อเหตุว่า ใครทำหน้าที่อะไร รวมทั้งรับอาวุธสงครามทั้งหมดมาจากใคร ขอไม่เปิดเผย เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะต้องทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ ซึ่งอาจมีมากกว่าที่ตำรวจขอออกหมายจับไปแล้ว

              พ่อแม่หนูน้อยขออโหสิกรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้มี นายทนากร ยศอุบลและ นางพวรรณ ยศอุบล บิดาและมารดาของ ด.ช.กรวิทย์  หรือน้องเคนและด.ญ.พัชรากร น้องเค้ก ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาฟังแถลงข่าวด้วย โดย นายทยากร กล่าวขอบคุณ คสช.และตำรวจ ที่เร่งรัดคดีจนจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน ไม่คิดว่าจะจับคนร้ายได้เลย ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุเวลาขับรถผ่านหน้าห้างบิ๊กซี จะรู้สึกสะเทือนใจและเสียใจทุกครั้ง ตนและครอบครัวไม่มีความสุขเลย เหมือนฝันร้ายมาตลอด นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว เพราะเสียลูกไปทั้ง 2คน ที่ผ่านมาตนถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ซึ่งตนอยากจะบอกว่า ตนเป็นประชนทั่วไปที่ทำมาหากินและทุกวันนี้ตนพาภรรยาไปหาหมอทุกวันเพื่อจะแก้หมัน ให้กลับมามีบุตรได้อีกครั้ง นอกจากนี้ ตนขออโหสิกรรมให้กับผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย

ผู้ต้องหาขอโทษ-พร้อมติดคุก

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ต้องหาทั้งหมดกราบขอขมา นายทยากรและนางนพวรรณ โดย นายทวีชัย หนึ่งในผู้ต้องหา กล่าวทั้งน้ำตาว่า อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเข้าไปชดใช้กรรมในคุก ขณะที่ นายสุขสันต์ ล้อมวงศ์ นางกรรณิการ์ วงศ์ตัวและนายวิเชียร สุขภิรมย์ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคราวเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น เจ้าหน้าตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4คน ออกจาก สตช.เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ

ทำแผนฯยิงถล่มบิ๊กซีราชดำริ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ พร้อมกำลังตำรวจ คุมผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกคือบริเวณกลางสะพานข้ามแยกประตูน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถ 3คัน มาจากแยกราชปรารภ ด้วยความเร็ว 40-60กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะจอดรถกลางสะพาน แล้ว นายทวีชัย มือยิงซึ่งนั่งอยู่ภายในรถคันที่2 ลดกระจกลง พร้อมใช้ปืนเอ็ม79 ยิงพุ่งเป้าใส่กลุ่ม กปปส.หน้าห้างบิ๊กซี ก่อนขับรถมุ่งหน้าแยกอโศก-เพชรบุรี จุดที่2 ทำแผนบริเวณทางขึ้นทางด่วนมักกะสัน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวกันอีกครั้งก่อนหนีกลับย่านสายไหม จุดที่3 คือบ้านพักเลขที่35/1 ซอยสายไหม75/1 ซึ่งเป็นจุดผู้ต้องหาทั้งหมดใช้วางแผนก่อเหตุ ส่วนจุดที่4 เป็นจุดรับอาวุธที่บ้านเลขที่63/2070 คลอง9 ซอย7 ซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ของ นายสุนทร ก่อนแยกย้ายขึ้นทางด่วนไปลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและนัดรวมตัวที่ รพ.สงฆ์ แล้วขับรถไปสะพานข้ามแยกประตูน้ำและก่อเหตุยิงถล่มดังกล่าว

ซัดทอดสมุน”อารีย์”จ้างยิง

นายชัชวาล ผู้ต้องหาอ้างว่า นายต้อม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นลูกน้องของ นายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ดกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นผู้จ้างวานให้ลงมือก่อเหตุ โดยได้รับค่าจ้างเป็นปืน 2กระบอก หลังทำแผนเจ้าหน้าที่ส่งตัวผู้ต้องหาไปยัง สน.ลุมพินี เพื่อสอบปากคำ ก่อนนำตัวฝากขังกับศาลผลัดแรกต่อไป

เห็นด้วยเลิกนายกฯตั้งผบ.ตร.

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ยังกล่าวเห็นด้วยกับคำสั่ง คสช.ที่ยกเลิกการให้อำนาจนายกรัฐมตรี เป็นผู้แต่งตั้ง ผบ.ตร.พร้อมสนับสนุนให้ ผบ.ตร.เป็นผู้คัดสรรตำแหน่งด้วยตนเอง

“บิ๊กอู๋”หนุนที่มาผบ.ตร.คนใหม่

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ กล่าวถึงประกาศ คสช.เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติและหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจว่า คำสั่งดังกล่าว ผบ.ตร.จะเป็นผู้มีอำนาจในการเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ แต่เนื่องจากตนพ้นตำแหน่งมาแล้ว ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจเสนอชื่อ ผบ.ตร.คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ส่วนตัวมีความเห็นว่า โครงสร้างใหม่นี้ก็เป็นเรื่องดี เพราะหน่วยงานแต่ละหน่วยงานจะได้เป็นผู้เสนอว่า ใครเหมาะสมควรขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนและผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผบ.ตร.คนใหม่นั้น คือผู้มีลำดับอาวุโสสูงสุด

เผยมี5รายชื่อเข้าชิงเก้าอี้ผบ.ตร.

              ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.กล่าวว่า เดิม พรบ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2547 ระบุว่า นายกฯจะเสนอรายชื่อนายตำรวจยศ พล.ต.อ.ให้ ก.ต.ช.เห็นชอบเลื่อนเป็นผบ.ตร.เป็นการเมืองเสนอ แต่หัวหน้า คสช.แก้ไขว่า การเสนอ ผบ.ตร.คนต่อไป ให้ผบ.ตร.คนปัจจุบันเป็นคนเสนอ เดิมจากนายกฯเลือกนายตำรวจยศ พล.ต.อ.ซึ่งมีทั้งหมด 14นาย คือ จเรตำรวจ 1 นาย รองผบ.ตร.7ท่าน สบ.10 จำนวน 5นาย นรป.1นาย เสนอ ก.ต.ช.แก้ไขเปลี่ยนเป็นให้ผบ.ตร.เลือก รองผบ.ตร.และจเรตำรวจ ก็จะเหลือแค่ 8นาย เมื่อนับคนเกษียณก็จะเหลือแคนดิเดตอยู่ 5คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.และพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรชาน จเรตำรวจแห่งชาติ โดยผบ.ตร.ก็จะเลือก 1ใน5 เสนอ ก.ต.ช.เห็นชอบ เมื่อผบ.ตร.เสนอใครคนใดคนหนึ่งเข้าไปแล้วก.ต.ช.ไม่เห็นชอบก็เสนอคนใหม่ เป็นหลักการอยู่แล้ว ซึ่งการจะพิจารณาเสนอชื่อใครนั้น ตามกฏหมายตำรวจจะพิจารณาจากคุณวุฒิ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ รวมทั้งอาวุโสด้วย

คสช.ไฟเขียวงบลงทุน4.5แสนล้าน

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช.เป็นประธานการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ครั้งที่6/2557 โดย นายสมศักดิ์โชติรัตนะศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ แถลงว่า ที่ประชุม คสช.ได้เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี58 จำนวน 2.575ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50,000ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบรายจ่ายลงทุน 450,110ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นวงเงิน 8,981ล้านบาท ขั้นตอนจากนี้สำนักงบฯจะกลับไปจัดทำเป็นร่างพรบ.งบประมาณฯและเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนเสนอให้คสช.เห็นชอบ ภายในวันที่ 29กรกฎาคมนี้ จากนั้นจึงเสนอให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

แจงคสช.ไม่เกี่ยวรื้อรังนกกระจอก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เวลา 10.30น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมยุทธโยธา ทหารบก เริ่มทยอยเข้าปรับปรุงอาคารสถานที่และทัศนียภาพภายในทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะที่ตึกนารีสโมสร ห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน1 หรือรังนกกระจอกและตึกบัญชาการ2 

ขณะที่ พล.ต.วิวรรธน์ สุชาติ เจ้ากรมยุทธโยธา เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องการปรับปรุงและย้ายสถานที่ภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น ทหารและคสช.ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง การปรับปรุงในครั้งนี้เป็นการเสนอแผนงานโดยเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นแผนงานเดิมและมีการประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษแล้วและมีข้อตกลงว่า เรื่องทั้งหมด พล.ต.อ.อดุลย์ จะให้ข่าวคนเดียว ยืนยันว่า ทหารและ คสช.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่มีข่าวแต่อย่างใด

“อดุลย์”ยันแค่แนวคิด-ไม่มีในแผน

            ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ กล่าวถึงการปรับปรุงอาคารสถานที่ โดยเฉพาะห้องสื่อมวลชน1 หรือรังนกกระจอก ว่า เป็นเพียงแผนที่มีการพูดคุยและหารือกันเท่านั้น เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ปรับปรุงมาตั้งแต่ปี2545 หรือ12ปีมาแล้ว ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีแผนดำเนินการเดิมไว้อยู่แล้ว โดยจะปรับในจุดที่ต้องปฏิบัติงาน ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกบัญชาการ1-2 ตึกนารีสโมสร บ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา

อ้างทำอะไรต้องถามนักข่าวก่อน

“ยืนยันว่า ยังไม่มีเรื่องย้ายนักข่าวและก่อนที่ผมจะตัดสินใจอะไรต้องสอบถามความเห็นของผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งผู้สื่อข่าว โดยต้องดูที่ความต้องการเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสะดวกในการทำหน้าที่ของทุกคนและยืนยันว่าในแผนเดิมที่มีการพูดคุยกันนั้น ยังไม่มีเรื่องจะย้ายผู้สื่อข่าวออกจากรังนกกระจอกแต่อย่างใด เพียงแต่ที่ประชุมต้องการปรับแล้วให้ดีขึ้น” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว

เผย”ธาริต”หัวแข็งไม่รายงานตัว

พล.ต.อ.อดุลย์ ยังเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับบรรดาที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้รับคำสั่ง คสช.ให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลบ้างแล้ว ยกเว้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โดยขั้นต้นได้จัดระบบให้แต่ละคนมีที่ทำงานประจำก่อน ซึ่งต้องยอมรับว่า ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อย ส่วนใหญ่จะจัดสถานที่ทำงานให้ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก ซึ่งอยู่ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การที่ตนเข้ามารับผิดชอบการทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ก็เป็นคนละอย่างกับที่สำนักงานตำรวจแห่ชาติ (สตช.) โดยงานของตำรวจจะหนักกว่างานที่ทำเนียบรัฐบาล

นักข่าวบุกถามความจริง”อดุลย์”

อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมา กลุ่มสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้เข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เพื่อสอบถามถึงการปรับปรุงอาคารสถานที่และทัศนียภาพภายในทำเนียบรัฐบาล รวมถึงกระแสข่าวรื้อห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน1 หรือรังนกกระจอก โดย พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เชิญกลุ่มผู้แทนสื่อมวลชนเข้ารับฟังการชี้แจงภายในห้องทำงานตึกบัญชาการ1 ว่า ขณะนี้ให้ฝ่ายที่รับผิดชอบสำรวจสภาพของอาคารต่างๆในทำเนียบรัฐบาล ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะปรับตรงไหน อย่างไร รวมถึงรังนกกระจอกของสื่อมวลชนก็ยังเป็นเพียงแนวคิด หัวหน้า คสช.บอกแล้วว่า รังนกกระจอกไม่มีการรื้อ เพียงแต่ปรับให้ดีขึ้น ทุกอย่างทำให้ดีขึ้น ทำให้เลวลงไม่มีและจะดูที่ความต้องการด้วย ส่วนเรื่องงบปรับปรุง 300ล้านบาท ก็ไม่จริง ไม่ถึงขนาดนั้น

เปลี่ยนโถฉี่ห้องนายกฯหญิงเป็นชาย 

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า  สำหรับตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นที่ตั้งห้องทำงานนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนั้น ทหารกรมยุทธโยธาได้เข้าพื้นที่เพื่อสำรวจภายใน โดยกำหนดปรับเปลี่ยนหลายส่วน ทั้งผ้าบุโซฟาและเก้าอี้ภายในห้องรับรองต่างๆ ได้แก่ ห้องสีงาช้าง ห้องเขียวและห้องม่วง เพื่อให้สีของที่นั่งเป็นไปในโทนเดียวกัน สำหรับห้องโดมทองนั้นรายงานข่าวแจ้งว่าไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด ขณะที่ห้องทำงานนายกฯนั้น เบื้องต้นมีคำสั่งให้เปลี่ยนเครื่องสุขภัณฑ์ห้องน้ำทั้งหมด โดยให้นำโถปัสสาวะชายกลับมาติดตั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ถูกกถอดออกไปในสมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯโดยขณะนี้ทางฝ่ายทหารได้นำตัวอย่างเครื่องสุขภัณฑ์ให้ผู้บังคับบัญชาทำการคัดเลือกแบบอยู่

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'พิชิต\'เปิดหัวปราศรัย \'รวมพลังแผ่นดินฯ\' ตะเพิดไล่ \'อุ๊งอิ๊งค์\' ทำชาติล้มเหลว 'พิชิต'เปิดหัวปราศรัย 'รวมพลังแผ่นดินฯ' ตะเพิดไล่ 'อุ๊งอิ๊งค์' ทำชาติล้มเหลว
  • \'วันนอร์\' โยนวิป 2 ฝ่ายถก \'นิรโทษกรรม\' ถ้าดันสำเร็จจะสร้างความปรองดอง 'วันนอร์' โยนวิป 2 ฝ่ายถก 'นิรโทษกรรม' ถ้าดันสำเร็จจะสร้างความปรองดอง
  • ‘รทสช.’โต้‘พีระพันธุ์’ขู่ถอนตัวร่วมรัฐบาล ยืนยันหยุดเคลื่อนไหว เหตุยื่นทูลเกล้าฯแล้ว ‘รทสช.’โต้‘พีระพันธุ์’ขู่ถอนตัวร่วมรัฐบาล ยืนยันหยุดเคลื่อนไหว เหตุยื่นทูลเกล้าฯแล้ว
  • ‘นายกฯอิ๊งค์’ขึ้นดูน้ำท่วมเชียงรายแนะนำตัว‘ลูกพ่อทักษิณ’ บอกโดนด่า-โดนว่า แต่ได้กำลังก็โอเค ‘นายกฯอิ๊งค์’ขึ้นดูน้ำท่วมเชียงรายแนะนำตัว‘ลูกพ่อทักษิณ’ บอกโดนด่า-โดนว่า แต่ได้กำลังก็โอเค
  • ปธ.วิปรัฐบาลแจงเลื่อน กม.คอมเพล็กซ์ ยันถกพ.ร.บ.นิรโทษ ต้องไม่รวมความผิด ม.112 ปธ.วิปรัฐบาลแจงเลื่อน กม.คอมเพล็กซ์ ยันถกพ.ร.บ.นิรโทษ ต้องไม่รวมความผิด ม.112
  • วุ่นหนัก!‘พีระพันธุ์’ขู่ถอนตัวร่วมรัฐบาล ฉุนโผครม.โยก‘เสี่ยเฮ้ง’นั่งรมช.มหาดไทย ไม่แจ้ง วุ่นหนัก!‘พีระพันธุ์’ขู่ถอนตัวร่วมรัฐบาล ฉุนโผครม.โยก‘เสี่ยเฮ้ง’นั่งรมช.มหาดไทย ไม่แจ้ง
  •  

Breaking News

'พิชิต'เปิดหัวปราศรัย 'รวมพลังแผ่นดินฯ' ตะเพิดไล่ 'อุ๊งอิ๊งค์' ทำชาติล้มเหลว

'วันนอร์' โยนวิป 2 ฝ่ายถก 'นิรโทษกรรม' ถ้าดันสำเร็จจะสร้างความปรองดอง

มทบ.37 ระดมกำลังพล-จิตอาสา เร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมพญาเม็งราย หลังสถานการณ์ดีขึ้น

‘รทสช.’โต้‘พีระพันธุ์’ขู่ถอนตัวร่วมรัฐบาล ยืนยันหยุดเคลื่อนไหว เหตุยื่นทูลเกล้าฯแล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved