ยกฟ้อง‘เจิมศักดิ์’ คดีหมิ่นคิงเพาเวอร์ อุทธรณ์ยืนตามชั้นต้น

ยกฟ้อง‘เจิมศักดิ์’ คดีหมิ่นคิงเพาเวอร์ อุทธรณ์ยืนตามชั้นต้น

วันเสาร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 06.00 น.
Tag :

ยกฟ้อง‘เจิมศักดิ์’

คดีหมิ่นคิงเพาเวอร์
 
อุทธรณ์ยืนตามชั้นต้น
 
เจ้าตัวดีใจทำหน้าที่สื่อ
 
ปกป้องประโยชน์ชาติ
 
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องคดีที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด(มหาชน) โดยมี นายรัฎฐาปกรณ์ ทับปั้น ผู้รับมอบอำนาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภา เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่น หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 นายเจิมศักดิ์ จำเลย ในฐานะพิธีกร “ได้กล่าวดูหมิ่นและหมิ่นประมาทโจทก์ ทำนองว่าบริษัทโจทก์เป็นบริษัทขายสินค้าเถื่อน ของหนีภาษีให้แก่บุคคลทั่วไป ฉ้อโกงภาษีอากรของรัฐบาล ผ่านรายการ “ลงเอย อย่างไร ตอน ของเถื่อน ภาษีเถื่อน”

คดีนี้ชั้นต้น ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า นายเจิมศักดิ์ จำเลย มีพยานเบิกความยืนยันต่อศาลว่า ได้สั่งซื้อสินค้า ประกอบด้วย เหล้า ไวน์ และแชมเปญ ปลอดภาษี ผ่านบุคคลอื่น แต่เป็นสินค้าของบริษัทโจทก์จริง ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์เป็นของบริษัทโจทก์ โดยไม่ต้องมีหลักฐานการเดินทางไปต่างประเทศ และมีผู้นำมาส่งให้พยาน และพยานได้บันทึกภาพวิดีโอประกอบไว้ด้วย เชื่อได้ว่า พยานเบิกความไปตามความเป็นจริง และพยานไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ เชื่อว่า สั่งซื้อสินค้าได้ จำเลยพิสูจน์ได้ว่า คำพูดหมิ่นประมาทโจทก์เป็นเรื่องจริง พิพากษายกฟ้อง

ต่อมาโจทก์การยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลย ซึ่งศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลในการประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรอยู่ในท่าอากาศยานนานาชาติภายในประเทศหลายแห่ง รวมทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ จำเลย เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ชื่อรายการ”ลงเอยอย่างไร” มีบริษัทว๊อชด๊อก จำกัดเป็นเจ้าของ ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ช่อง 11 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 ได้ออกรายการลงเอยอย่างไร ตอน”ของเถื่อน ภาษีเถื่อน” จำเลยเป็นผู้ดำเนินรายการโดยมีนายพฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลังและบุคคลที่ใช้นามแผงว่าภาษีอากรอีก2คนร่วมรายการ


ในรายการได้มีการพูดถึงวิธีการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภท เหล้า และบุหรี่ เข้ามาในประเทศโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร และจำเลยได้กล่าวถ้อยความถึงโจทก์ว่า “ จริงๆแล้วมีเรื่องหนึ่งท่านรัฐมนตรี ผมเองก็แปลกใจ มีเพื่อนผมเค้าบอกว่า สามารถสั่งเหล้า และไวน์ประเภทไม่ต้องเสียภาษี จากร้านค้าปลอดอากรที่เรียกว่า ดิวตีฟรี พูดง่ายๆ ว่าเค้าบอกสั่งคิวพาวเวอร์ นี่จากคิงพาวเวอร์ ที่ได้รับอนุญาตที่ทำร้านค้าปลอดอากาศดิวตี้ฟรี แต่ไม่ต้องไปซื้อที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ต้องใช้พาสปอร์ต บอกว่าเราเดินทางไปต่างประเทศ แต่สามารถที่จะโทรศัพท์ไปสั่งได้ แล้วสามารถให้เขาส่งไวน์เป็นลังไปถึงบ้านได้ ถ้าระบบทำกันแบบนี้ ผมเองก็เป็นห่วงว่า เราจะมีเหล้า บุหรี่ ไม่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐ แล้วขายในบ้านเมืองเราอย่างรั่วไหลกันอย่างนี้ผมเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน”

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลย กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ จำเลยอุทธรณ์ว่า ไม่มีเจตนาทำให้โจทก์เสียหาย เสียชื่อเสียง แต่เป็นการ แสดงข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ในฐานะสื่อมวลชนย่อมกระทำได้ จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ปัญหานี้ ปัญหานี้โจทก์ โดยนายรัฏฐาปกรณ์ นายสมหวัง วุฒิวงกต ผจก.ฝ่ายปฎิบัติการร้านค้า และฝ่ายกฎหมาย ชี้แจงการนำเข้าสินค้าเพื่อเพื่อขายในร้านปลอดอากรของโจทก์ต้องผ่าน การตรวจสอบความถูกต้องในจำนวนสินค้าจากกรมศุลกรกรเสียก่อน และต้องมีเครื่องหมายแสดงสินค้าปลอดอากร มีบาร์โคท ส่วนผู้ซื้อต้องมีหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบิน และเวลาเดินทาง จึงสามารถซื้อได้โดยผู้เดินทางไปต่างประเทศจะซื้อได้ไม่จำกัดปริมาณ ส่วนผู้เดินทางเข้าประเทศ ซื้อได้ตามปริมาณที่กรมศุลกรกรกำหนด

คดีนี้ถ้อยคำของจำเลยมีลักษณะเป็นเรื่องของการสอบถามรมช.คลัง เกี่ยวกับเรื่องโจทก์ เป็นคำกล่าวที่ทราบมาจากเพื่อน ว่าจะทำอย่างไร แต่รมช.คลังไม่ได้ตอบหรือพูดเกี่ยวกับเรื่องของโจทก์ แต่ไปพูดถึงภาษีที่เกี่ยวกับเหล้าและบุหรี่แทน เมื่อรมช.คลังไม่ตอบ จำเลยก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับโจทก์อีก แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะเอาเรื่องกับโจทก์ มาเป็นประเด็นโดยตรงในรายการของจำเลย กรณีจึงไม่พอถือได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาร้าย และเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องเกี่ยวกับโจทก์ ประกอบกับคำเบิกความของพยานฝ่ายจำเลย สอดคล้องกับคำถามที่จำเลยถามรมช.คลัง ในรายการดังกล่าว

พยานจำเลยปากหนึ่งคือ นายต่อตระกูล ยมนาค เบิกความว่าในระหว่างที่พยานเป็นกรรมการของบริษัทท่าอากาศยานยานจำกัด มีเรื่องร้องเรียนจากพนักงาน กล่าวหาผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของบริษัทการท่าอากาศยานไทยจำกัด ว่า ไปขนสินค้าปลอดภาษีประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอ จากร้านค้าปลอดภาษี และนำออกจากท่าอากาศยานโดยใส่รถเข็นออกทางช่องทางผู้ปฎิบัติหน้าที่ในสนามบินอันมิใช่ทางเข้าออกของผู้โดยสารทั่วไป

คดีนี้ศาลอุทธรณ์ระบุว่า การกระทำของจำเลย เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใด อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาณโดยการโฆษณานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุธทรณ์ อุธทรณ์ของจำเลยฟังขึ้น

ดังนั้นเมื่อการกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าถ้อยคำที่จำเลยหมิ่นประมาทเป็นความเป็นความจริง ทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330 หรือไม่ จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลอุธทรณ์ เพราะไม่อาจทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนไป ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องในผล พิพากษายืน

ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวกับ “แนวหน้า”ภายหลังรับทราบผลการตัดสินของศาลอุทธรณ์ว่า ดีใจที่ศาลเข้าใจเจตนาของคนทำสื่อว่า เราจะต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะมันมีการรั่วไหลในการลักลอบเอาสินค้าปลอดภาษีนำออกมาขายข้างนอก เราต้องการให้รัฐมนตรีผู้บริหาร เข้าไปปิดรูรั่วไม่ว่าจะเป็นการลงโทษพนักงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงลงโทษปรับบริษัทเอกชนที่ลักลอบเอาสินค้าปลอดอากร ปลอดภาษีออกมา

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top