จากนั้น เวลา 17.25 น. นายกรัฐมนตรีหารือข้อราชการทวิภาคีกับรองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ณ ห้องโดมทอง และการหารือเต็มคณะ ณ ห้องสีงาช้าง ด้านใน โดยมีผู้แทนระดับสูงฝ่ายไทย ประกอบไปด้วย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการลงทุน ฯลฯ
ภายหลังหารือข้อราชการ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
สำหรับ การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูง โดยเฉพาะในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีหมายกำหนดการเสด็จฯ เยือนอินเดียในปีนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมอินเดียที่จะจัดถวายการต้อนรับทั้งสองพระองค์อย่างสมพระเกียรติ โดยทางอินเดียได้แจ้งว่า ในช่วงการเสด็จเยือนของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นั้น สภาวัฒนธรรมสัมพันธ์แห่งอินเดียจะทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “WorldSanskrit Award” ครั้งแรกในฐานะที่ทรงมีบทบาทส่งเสริมภาษาสันสกฤตในต่างประเทศ
นอกจากนี้ รองประธานาธิบดีอินเดียได้ยืนยันคำเชิญจากนายกรัฐมนตรีอินเดีย ในการเชิญนายกรัฐมนตรี เยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างกันมากขึ้นสำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงพัฒนาการทางการเมืองและเศรษฐกิจไทย รวมทั้งเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 20 ปี ซึ่งอินเดียเห็นพ้องที่จะร่วมมือกับไทยตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยจะเป็นการมองไปในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบาย Act East ของอินเดีย ที่ให้ความสำคัญกับไทยและอาเซียน โดยไทยถือเป็นหุ้นส่วนของอินเดียทั้งทางด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจการค้า และทางวัฒนธรรม
นอกจากนี้ อินเดียต้องการเชื่อมโยงโครงการตามนโยบายของรัฐบาลอินเดีย อาทิ Make in India, Delhi-Mumbai Economic Corridor และ Smart Cities กับโครงการของรัฐบาลไทย ได้แก่ โครงการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมทวาย ซึ่งอินเดียขอบคุณที่ไทยตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมา-ญี่ปุ่น และอินเดีย เพื่อสร้างความร่วมมือในโครงการดังกล่าว และยังได้แสดงความสนใจโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดน และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย ทั้งทางตะวันออก-ตะวันตกและเส้นทางเหนือ-ใต้
ด้านการค้าการลงทุน อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยที่ไทยและอินเดียมีศักยภาพที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก และเห็นพ้องที่จะผลักดันปริมาณการค้าระหว่างกันให้สูงขึ้นในอนาคต โดยการเร่งผลักดันการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทยและอินเดียให้บรรลุผลโดยเร็ว เพราะจะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนให้อินเดียเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นเช่นกัน โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการพิจารณาลงทุนระหว่างกันใน 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. การลงทุนระหว่างภาคเอกชน 2. การลงทุนร่วมกันระหว่างภาครัฐ และ 3.การลงทุนในลักษณะการร่วมทุนแบบ PPP (Public Private Partnership)
ด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันชาวอินเดียนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยปีละกว่า 1 ล้านคน ในขณะที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวที่อินเดียเพื่อสักการะสังเวชนียสถานเช่นกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน อันเป็นการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน
สำหรับความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคง ไทย-อินเดียมีความร่วมมือที่ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น คณะทำงานร่วมด้านความมั่นคงด้านการทหาร การต่อต้านยาเสพติดและการต่อต้านการก่อการร้าย การลาดตระเวนร่วมทางเรือ การฝึกผสมร่วม โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่มีอยู่ให้มีผลเป็นรูปธรรมต่อไปซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคต่อไป ทั้งนี้ อินเดียต้องการจะมีความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับไทยเพิ่มเติมด้วย โดยที่นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้อินเดียพิจารณาการเข้ามาลงทุนในการผลิตอะไหล่สำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ในประเทศไทยในตอนท้าย มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบอาเซียน-อินเดีย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า การสร้างความแข็งแกร่งให้ไทยและประเทศอาเซียนเป็นสิ่งจำเป็น และเสนอความร่วมมือแบบไทยบวกหนึ่ง อาเซียนบวกหนึ่ง เพื่อให้ประเทศในภูมิภาคก้าวไปข้างหน้าร่วมกันด้วยความมั่นคงและยั่งยืน พร้อมแสดงความยินดีต่อพัฒนาการความร่วมมือในกรอบอาเซียน-อินเดีย โดยเห็นพ้องที่จะผลักดันประเด็นที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
อนึ่ง การเยือนประเทศไทยของรองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย แสดงให้เห็นว่าอินเดีย หนึ่งในมหาอำนาจของภูมิภาค เห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะประเทศที่มีบทบาทนำในภูมิภาคอาเซียนและเป็นจุดเชื่อมโยงทางคมนาคมที่สำคัญระหว่างอินเดียกับเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังมีนโยบายที่สอดรับกัน โดยระหว่างการหารือรัฐบาลอินเดียได้ย้ำถึงความต้องการที่จะกระชับความสัมพันธ์และร่วมมือกับไทยให้มากขึ้นในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน สำหรับนาย เอ็ม (โมฮัมมัด) ฮามิด อันสารี รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ยังเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่งและได้รับมอบหมายจากรัฐบาลอินเดียในด้านการต่างประเทศด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี