หลังจากที่ “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” โดย นายผรณเดช พูนศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการหนังสือพิมพ์แนวหน้า ขอลาออกจากการเป็นสมาชิก สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น มีความชัดเจนในตัวแถลงการณ์อยู่แล้ว ว่า ขณะนี้หนังสือพิมพ์หลายองค์กร มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน ไม่ปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมในการนำเสนอข่าว เป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้สังคมแตกแยกจนถึงทุกวันนี้ และยังเป็นอุปสรรคต่อการปฎิรูปประเทศชาติ
ทั้งนี้ อดีตที่ผ่ามมาจนถึงปัจจุบัน หนังสือพิมพ์แนวหน้า ยึดถือสโลแกน “มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ในการนำเสนอข่าวและบทความอย่างต่อเนื่อง มีนักคิดนักเขียนหลายท่าน ได้ร่วมกันจรดปลายปากกา ให้ผู้อ่านได้รู้ความจริง โดยเฉพาะ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.ต่างประเทศ และ อดีต เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เจ้าของคอลัมน์ “นต.ประสงค์พูด”ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรงและมีเหตุผล
รายงานข่าว ระบุว่า ในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งยศ "พ.ต.ท." ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ใช้ความพยายาม ที่จะแทรกแซงกองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์แนวหน้า ถึงขั้นนายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไปยังสนามกอล์ฟ เดอะรอยัลเชียงใหม่คันทรีคลับ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อต้นปี พ.ศ.2544 พบกับ นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า พร้อมขอร้องแกมบังคับ ไม่ให้ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เขียนบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และขอให้ปลด นต.ประสงค์ สุ่นศิริ ออกจาก นสพ.แนวหน้า ด้วย
แต่ นายวารินทร์ ปฎิเสธทันควัน
รายงานข่าวระบุว่า หลังจากนั้นดูเหมือนว่า รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นเดือดเป็นแค้น เป็นปรปักษ์กับหนังสือพิมพ์แนวหน้าอย่างรุนแรง รวมไปทั้งสื่ออื่นๆ ที่ตรวจสอบรัฐบาลตามหลักวิชาชีพของสื่อมวลชน พฤติการณ์ของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จึงถูกองค์กรวิชาชีพสื่อ นักวิชาการ ร่วมท้วงติงและประณามหลายครั้ง และเห็นว่า รัฐบาลทักษิณ ไม่เพียงแต่ แทรกแซงการทำงานของสื่อทั้งในส่วนของภาครัฐหรือเอกชน แต่ยังสร้างสื่อเทียมออกมาใช้ เป็นเครื่องมือตอบโต้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม มีคำถามว่า ระบอบทักษิณ หมายถึงอะไร??... "ระบอบทักษิณ" หมายถึง วิธีการดำเนินการทางการเมืองโดยการใช้เงินซื้อนักการเมือง พรรคการเมือง และซื้อคะแนนเสียงจากประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมและการบริหารประเทศที่ยึดตัวตนและยึดแนวคิดของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก ขาดความเคารพในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหลักการขององค์กรตรวจสอบและถ่วงดุลโดยองค์กรอิสระและประชาชน แต่เข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ สื่อมวลชน องค์กรรัฐแทบทุกองค์กร ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ทำลายระบบคุณธรรม สร้างความแตกแยกของคนในชาติมาก่อน และมีการทุจริตอย่างมโหฬาร
นิยามทางการเมือง ในเรื่องระบอบทักษิณ นี้ อธิบายโดยนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ นักรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง นักเศรษฐศาสตร์ เช่น นายธีรยุทธ บุญมี, ดร.เกษียร เตชะพีระ, ดร.ศิริยุวศักดิ์
มีรายงานด้วยว่า ความจริงปรากฎเด่นชัดตามนิยามดังกล่าวในเวลาต่อมา คือ นอกเหนือจาก หนังสือพิมพ์แนวหน้า ถูกตัดโฆษณาอย่างภาครัฐ อันถือเป็นการคุกคามสื่ออย่างหนึ่งแล้ว แล้ว สื่ออื่นๆ อาทิ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ที่ถูกกาหัวว่า เป็นปรปักษ์ต่อรัฐบาลในระบอบทักษิณ ก็โดนด้วย
และยังถูกเล่นงานระลอกสอง คือ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจสอบฐานะทางการเงินเพื่อให้เกิดความกลัว และเสียชื่อเสียง เช่นกรณีเกิดกับ นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการผู้บริหารเครือเดอะเนชั่น นายโรจน์ งามแม้น หรือ”เปลว สีเงิน”เจ้าของหรือผู้บริหารหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องรวม นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ เจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า เข้าไปด้วย และที่สำคัญ นายวารินทร์ ยังถูกตรวจสอบเป็นคนแรกด้วย
โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์แนวหน้า ดูเหมือนว่าถูกระบอบทักษิณ จัดให้อยู่อันดับต้นๆ ที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลในขณะนั้น กระนั้นก็ตาม พฤติกรรมการคุกคามจากอำนาจมืดเหล่านี้ ไม่ได้สร้างความหวั่นไหวหรือวิตกให้ผู้บริหารหรือกองบรรณาธิการ นสพ.แนวหน้า แต่ทุกคนยังทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนที่ต้องรับใช้ประเทศชาติต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี