1 พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 133 ตอนพิเศษ 247 ง วันที่ 28 ตุลาคม 2559 เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็น "พระบิดาแห่งการปฏิรูปข้าวไทย" และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็น "พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย"
โดยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่เกษตรกรและปวงชนชาวไทย ด้วยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการปฏิรูปและพัฒนาแนวทางการผลิตข้าว และการวิจัยและพัฒนาข้าวไทยในห้วงแห่งรัชกาลตามลําดับ ทั้งนี้ ด้วยพระวิริยอุตสาหะอุทิศกําลังพระวรกายและกําลังพระปัญญา ทําให้ข้าวไทยได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การวิจัยและปรับปรุงพันธุ์ การจัดระบบชลประทาน ที่เหมาะสม การขนส่ง และการพัฒนาระบบการผลิตโดยรวม ประเทศไทยจึงมีความมั่นคงทางด้านอาหาร และส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยรวมกล่าวคือ
1.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระมหากรุณาธิคุณต่อการปฏิรูปข้าวไทย โดยทรงริเริ่มการปฏิรูปและพัฒนาแนวทางการผลิตข้าวใหม่ที่ส่งผลดี และเอื้อประโยชน์ต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวของประเทศไทย มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการโดยการยกเลิกกรมนาแล้วจัดตั้งกระทรวงเกษตราธิการ เพื่อสนับสนุนด้านการผลิต การยกเลิกระบบศักดินา การคัดเลือกข้าวพันธุ์ดีมีคุณภาพจากต่างประเทศมาทดลองปลูก การจัดให้มีการประกวดพันธุ์ข้าว การขยายพื้นที่ปลูกข้าวด้วยการวางรากฐานระบบชลประทานสมัยใหม่ รวมทั้งนําเครื่องจักรไถนามาทดลองใช้ในการผลิต และเป็นแบบอย่างของการทําเกษตรสมัยใหม่แก่เกษตรกร นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุนการค้าข้าวโดยริเริ่มระบบขนส่งทางรถไฟและกิจการไปรษณีย์โทรเลข เพื่อใช้ในการเดินทางและขนส่งลําเลียงผลผลิตข้าว การวางรากฐานงานวิจัยและพัฒนาข้าวไทย โดยการจัดตั้งโรงเรียนเกษตราธิการเพื่อผลิตบุคลากรเข้ารับราชการในกรม กองต่างๆ ของกระทรวงเกษตราธิการ รวมทั้งได้พระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงให้ไปศึกษาด้านการเกษตรสาขาต่างๆ ยังต่างประเทศ
2.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณต่อการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย โดยทรงพระราชดําริและทรงดําเนินการเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาข้าว ทรงมุ่งมั่นทุ่มเทกําลังพระวรกายในการปรับใช้ผลการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แก่เกษตรกรที่ประกอบอาชีพทํานา อาทิ การฟื้นฟูพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ก่อให้เกิดขวัญกําลังใจและความภูมิใจในอาชีพเกษตรกรรม ทรงค้นคิดวิธีเกษตรทฤษฎีใหม่ การทํานาขั้นบันได โครงการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาความแห้งแล้ง การแก้ปัญหาดินเปรี้ยวในพื้นที่ต่างๆ ที่เรียกว่า "แกล้งดิน" การกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี สู่เกษตรกร ที่เรียกว่า "พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน" ทรงพระราชทานที่ดินเพื่อการวิจัยและพัฒนาข้าวไร่ และธัญพืชเมืองหนาวทรงเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรวิจัยและพัฒนาข้าว ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้แก่มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ และพระราชทานทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาข้าวให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด
รัฐบาลสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณและน้อมรําลึกในพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อการปฏิรูปข้าวไทย และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อการวิจัยและพัฒนาข้าวไทยเป็นอเนกประการ รวมทั้งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติทั้ง 2 พระองค์ ในโอกาสครบรอบ 100 ปี งานวิจัยข้าวไทย ในปี 2559 คณะรัฐมนตรีจึงได้ลงมติเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 เห็นชอบ
1.ให้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็น "พระบิดาแห่งการปฏิรูปข้าวไทย"
2.ให้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็น "พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย"
ประกาศ ณ วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/247/1.PDF
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี