แต่งตั้ง10องคมนตรี

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 10 องคมนตรีชุดใหม่ “บิ๊กต๊อก-ดาว์พงษ์” ต้องลาออกรมว.ยุติธรรม-ศึกษาส่งผลให้นายกฯต้องปรับครม.ใหม่ สะพัด “บิ๊กหลี” จ่อเสียบแทน ด้าน “มีชัย” เปิดโชว์ร่างกม.พรรคการเมือง 7 ธันวาคมนี้

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่คณะองคมนตรีได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีและทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา2ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบมาตรา12 มาตรา 13 และมาตรา16 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งดังต่อไปนี้

แต่งตั้งองคมนตรีชุดใหม่10คน

1.พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ 2.นายเกษม วัฒนชัย 3.นายพลากร สุวรรณรัฐ 4.นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ 5.นายศุภชัย ภู่งาม 6.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ 7.พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข 8.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ 9.พล.อ.ธีรชัย นาควานิช 10.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ประกาศ ณ วันที่ 6ธันวาคม2559 เป็นปีที่1 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้สนองพระราชโองการ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี

เผยรายชื่อองคมนตรีชุดเก่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับองคมนตรีชุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประกอบด้วย 1.พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม2531 2.พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ 3.นายเชาวน์ ณ ศีลวันต์ 4.นายธานินทร์ กรัยวิเชียร 5.พล.ร.ต.ม.ล.อัศนี ปราโมช 6.นายจุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา 7.พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ 8.ม.ร.ว.เทพ เทวกุล 9.นายพลากร สุวรรณรัฐ 10.นายอำพล เสนาณรงค์ 11.พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ 12.นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ 13.นายเกษม วัฒนชัย 14.นายศุภชัย ภู่งาม 15.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ และ16.พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ระบุว่า องคมนตรีเป็นคณะบุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิเป็น ประธานองคมนตรี คนหนึ่งและ องคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน18 คนความเห็นที่ถวายต่อพระมหากษัตริย์ ต้องเป็นพระราชกรณียกิจ ที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษาเท่านั้น การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย โดยประธานองคมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง องคมนตรี หรือให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

ส่วนมาตรา14 บัญญัติไว้ว่า องคมนตรีต้องไม่เป็น สส.,สว.,กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.),ผู้ตรวจการแผ่นดิน,กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.),ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ.ตุลาการศาลปกครอง,กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.),กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน,ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ, พนักงานรัฐวิสาหกิจ,เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองและต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ

คาดบิ๊กตู่ปรับเล็กครม.โดยเร็ว

ดังนั้น พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ.ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) เมื่อวันที่ 29พฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมและพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีและจะต้องปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งพล.อ.ไพบูลย์และพล.อ.ดาว์พงษ์ เป็นองคมนตรี ส่งผลให้ตำแหน่งรัฐมนตีว่างลง 2ตำแหน่งคือ รมว.ยุติธรรมและรมว.ศึกษาธิการ รวมกับตำแหน่งรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ว่างลงมาระยะหนึ่งแล้ว หลังมีการประกาศใช้พรบ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม บวกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสามารถแต่งตั้งรัฐมนตรีได้เพิ่มอีก 1ตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า จะแต่งตั้งรมช.เกษตรและสหกรณ์นั้น

แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกฯเปิดเผยว่า นายกฯเลือกที่จะปรับ ครม.เล็กและให้แล้วเสร็จเร็วสุดภายในสัปดาห์นี้ ในส่วนของรมช.เกษตรฯนายกฯตัดสินใจยังไม่แต่งตั้งในเวลานี้

“สมคิด”ดัน”อุตตม”นั่งดิจิทัล

สำหรับตำแหน่ง รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม แหล่งข่าวใกล้ชิด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯในฐานะกำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า มีการเสนอให้ นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลับมาเป็นรมว.ดิจิทัลฯ แต่ทั้งนี้ นายสมคิด ระบุว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายกฯจะตัดสินใจ

ธีรชัยซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ

ด้าน พล.อ.ธีรชัย เปิดเผยว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งเป็นองคมนตรี โดยตนจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดให้สมกับที่ได้ทรงไว้วางพระราชหฤทัย ทั้งนี้ พล.อ.ธีรชัย เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)และเป็นประธาน กปภ.ซึ่งเตรียมลาออกจากทั้ง 2ตำแหน่งแล้ว

บิ๊กต๊อกเผย7ธค.ถวายสัตย์ปฎิญาณ

เวลาประมาณ 14.50น.พล.อ.ไพบูลย์และพล.อ.ดาว์พงษ์ หลังได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า วันนี้มาเพื่ออำลา พล.อ.ประยุทธ์ โดยวันที่ 7ธันวาคม จะมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่องคมนตรี ขณะนี้ตนได้ลาออกจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม แล้ว

ลือหึ่ง’บิ๊กหลี’จ่อเสียบ’รมว.ยธ.’

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) เปิดเผยว่า ภายหลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งองคมนตรี ส่งผลให้ พล.อ.ไพบูลย์ พ้นจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ทันที โดยผู้มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตขึ้นเป็นรมว.ยุติธรรม คือ พล.อ.นิวัตร มีนะโยธิน หรือ“บิ๊กหลี”ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม ทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงานของ พล.อ.ไพบูลย์ ได้ติดตามเข้ามาทำงานที่ ยธ.ตั้งแต่เริ่มต้น มีบทบาทในการเข้าร่วมประชุมยาเสพติดที่ประเทศจีนแทน พล.อ.ไพบูลย์ หลายครั้ง จึงคาดหมายว่า จะได้รับการวางตัวให้สานต่องานในกระทรวงยุติธรรมเพื่อไม่ให้งานขาดช่วง

‘วิษณุ’ยัน2รมต.ขอลาออกแล้ว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ดาว์พงษ์และพล.อ.ไพบูลย์ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์มนตรี ได้ลาออกจากตำแหน่ง ครม.และคสช.แล้ว โดยไม่ต้องมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯการลาออก ขณะนี้ถือว่ามีตำแหน่งเป็นองค์มนตรีอย่างเดียว ส่วนจะปรับ ครม.เมื่อใด ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

‘ประวิตร’ยินดีองคมนตรีใหม่

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการปรับครม.ภายหลัง พล.อ.ไพบูลย์และพล.อ.ดาวพงษ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะองคมนตรี ว่า ตนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด ถือเป็นเรื่องที่ดีที่บุคคลในรัฐบาลได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ทำหน้าที่องคมนตรี ส่วนการปรับครม.คงต้องมีต่อไป เบื้องต้นยังไม่ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งนายกฯเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวเอง ส่วนด้านความมั่นคงเชื่อว่า ไม่มีผลกระทบและคงไม่ต้องปรับ

ย้ำดำเนินคดีเด็ดขาดหมิ่นสถาบัน

พล.อ.ประวิตร ยังให้สัมภาษณ์กรณีสื่อต่างประเทศอย่าง สำนักข่าวบีบีซี นำเสนอข่าวเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของประเทศไทยว่า อะไรที่ผิดกฎหมายและทำให้เกิดความเสียหาย เราต้องดำเนินการทั้งหมด ตนกำชับเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ไม่มีปล่อยและไม่เลือกปฏิบัติ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ

‘มีชัย’เร่งร่างยุทธศาสตร์ชาติ1ปี

ด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการ่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ ว่า ใกล้จะเสร็จแล้ว คาดว่าไม่เกิน 1เดือน จะสามารถส่งไปยัง สนช.ตราเป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งรัฐธรรมนูญมีข้อบังคับว่า ต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในขั้นตอนการจัดทำกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ จึงต้องเริ่มจากการรับฟังความเห็นแล้วมายกร่างเป็นกฎหมาย จากนั้นต้องกลับมาแก้ไขแล้วจึงนำมาเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนระยะเวลานั้นในรัฐธรรมนูญได้บังคับไว้ว่า หลังจากออกกฎหมายยุทธศาสตร์ภายใน 120วัน จะต้องมียุทธศาสตร์ชาติให้เสร็จภายใน 1ปี ดังนั้นกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ก็ต้องจัดทำไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งการจัดทำยุทธศาสตร์นั้นไม่ต้องตราเป็นกฎหมาย

โชว์พรบ.พรรคการเมือง7ธันวาฯ

ส่วนความคืบหน้าการทำกฎหมายลูกนั้น นายมีชัย เปิดเผยอีกว่า วันที่ 7ธันวาคม กรธ.จะเผยแพร่ร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองต่อสื่อมวลชนและเว็ปไซต์ของกรธ. แต่หากพรรคการเมืองต้องการทราบรายละเอียดให้ขอมาที่ กรธ.ยืนยันว่ากรธ.ไม่ได้ถ่วงเวลา เนื่องจากเบื้องต้นกรธ.ได้ส่งร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจากองค์กรอิสระต่างๆ ให้ สนช. พิจารณาไปก่อนแล้ว เพื่อให้คำแนะนำไปพร้อมๆกัน

ทำความเข้าใจสื่อมวลชนด่านแรก

ขณะที่ นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ.เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 7ธันวาคม ได้นัดพบสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจร่างพรบ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ฉบับที่ทำแล้วเสร็จเบื้องต้น ก่อนเผยแพร่ร่าง พรบ.ว่าด้วยพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการและวันที่ 14ธันวาคม เวลา 13.30-16.00น.กรธ.จะเปิดเวทีชี้แจงกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับร่าง พรบ.พรรคการเมือง ที่ห้องประชุมรัชนี สโมสรสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ถนนพิชัย เขตดุสิต กทม.

คุก”เจ๋ง”ตัดสิทธิ์5ปี-ปกปิดสมบัติ

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษานัดพิจารณาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัย กรณีกล่าวหา นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อดีตที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปี2556 ผู้คัดค้าน จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินฯ ที่เป็นความผิดตามพรบ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ม.119 โดย นายยศวริศ ผู้คัดค้านเดินทางมาศาลพร้อมกับทนายความและได้แถลงให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิพากษาให้จำคุก 2เดือน แต่ผู้คัดค้านรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1เดือนและปรับ 4พันบาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็น 1ปีและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5ปี