"กกต." เลื่อนถกร่างกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นเป็น 16 ม.ค. ตั้งเป้าส่ง ครม. ได้ 23 ก.พ. เหตุต้องรับฟังความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามม 77 รธน. เผยร่างแก้ 4 ประเด็นให้สอดรับรัฐธรรมนูญ - ปิดช่องโหว่ดัดหลังผู้บริหารชิงลาออกก่อนครบวาระ คาดประเดิมเลือกตั้งท้องถิ่นได้มิ.ย.นี้
9 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต.วันนี้ ( 9 ม.ค.) ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นพ.ศ....ตามที่สำนักงานฯได้เสนอ โดย กกต. ขอที่จะศึกษาในเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวก่อน และจะพิจารณาในการประชุมกกต.วันที่ 16 ม.ค. พร้อมให้สำนักงานทำไทม์ไลน์กรณีต้องนำร่างกฎหมายดังกล่าวไปจัดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 77 กำหนด รวม 15 วัน และระยะเวลาการพิจารณาของ กกต. การเสนอร่างกฎหมายไปยังรัฐบาลมาให้ที่ประชุม กกต. พิจารณาในวันดังกล่าวด้วย
สำหรับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ...ที่สำนักงานกกต.ได้ยกร่างขึ้นนั้นมีทั้งสิ้น 68 มาตราเนื้อหาหลักจะเป็นการแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ใน 4 ประเด็น คือ
1. แก้ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2560 เกี่ยวกับอำนาจของ กกต. เช่นอำนาจในการสั่งเลือกตั้งใหม่ที่สั่งได้ก่อนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง การสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพิกถอนสิทธิสมัครเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ทั้งก่อนและหลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง
2. แก้ไขให้เป็นไปตามพ.ร.ป. ว่าด้วยกกต. เช่น การมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง แทนกกต.จังหวัด โดยเขียนเปิดช่องให้เป็นอำนาจของกกต.ที่จะพิจารณาว่าในการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ๆ จะตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งหรือไม่ก็ได้
3. แก้ไขให้สอดคล้องกับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในเรื่องมาตรฐานการจัดการ เช่น ระยะเวลาการลงคะแนนเลือกตั้งเป็น 08.00-16.00 น. ระยะเวลาการหาเสียงเลือกตั้ง การที่รัฐจะต้องเป็นผู้จัดสถานที่ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งปิดป้ายหาเสียง
4. แก้ไขปัญหาการบริหารงานท้องถิ่นที่ผ่านมา เช่นการที่ผู้บริหารท้องถิ่นชิงความได้เปรียบด้วยการลาออกก่อนครบวาระ โดยแก้ไขให้ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นมีวาระเท่ากัน ซึ่งถ้าบริหารงานไปแล้วผู้บริหารลาออกก่อน
หากวาระของสภาท้องถิ่นเหลือน้อยกว่า 180 วันก็ไม่ต้องมีการเลือกผู้บริหาร แต่ให้ปลัดท้องถิ่นนั้นๆ ทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่าสภาท้องถิ่นจะครบวาระ แต่หากระยะเวลาสภาท้องถิ่นเหลือเกินกว่า 180 วัน ให้ผู้บริหารท้องถิ่นที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ ดำรงตำแหน่งได้เท่าวาระของสภาท้องถิ่นที่เหลืออยู่
อย่างไรก็ตามทางสำนักงานได้มีการคาดการณ์ว่า หลังที่ประชุม กกต. ได้มีการพิจารณาและมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวในการประชุมวันที่ 16 ม.ค.แล้ว ไม่เกินวันที่ 3 ก.พ.ทางสำนักงานจะมีการจัดส่งร่างกฎหมายให้กับสำนักงาน กกต. จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในพื้นที่
รวมทั้งเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซด์ของสำนักงาน เพื่อรับฟังความคิดเห็น จากนั้น ไม่เกิน 13 ก.พ. ก็จะทำการรวบรวมข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นและสรุปผลการรับฟังเพื่อเสนอกกต. โดยในวันที่ 20 ก.พ.จะมีการรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้กับที่ประชุมกกต.ได้รับทราบ และคาดการณ์ว่าไม่เกินวันที่ 23 ก.พ. จะมีการส่งร่างกฎหมายดังกล่าวพร้อมกับผลการรับฟังความคิดเห็นให้กับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพิจารณาขั้นตอนการออกกฎหมายดังกล่าว ถ้า กกต. ส่งร่างไปยัง ครม. ในวันที่ 23 ก.พ. แล้ว และ ครม. พิจารณาในการประชุม ครม. นัดถัดไปคือวันที่ 27 ก.พ จากนั้นก็จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทำการตรวจสอบ คาดว่า จะแล้วเสร็จช่วงกลางเดือนมี.ค. ก่อนส่งต่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาซึ่งจะใช้เวลารวม 60 วัน
ในส่วนขั้นตอนทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้ น่าจะเสร็จสิ้นได้ในเดือนพ.ค. ขณะเดียวกันร่างกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ที่ขณะนี้รัฐบาลมีการแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมีการทยอยพิจารณาควบคู่ไป
ดังนั้นการเลือกผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นซึ่งอาจจะเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั้นก็คาดว่า จะเกิดขึ้นได้ในเดือน มิ.ย.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี