14 ม.ค.61 นายพิชัย นริพทะพันธ์ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวในงานสรุปผลงานการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาลและองค์การรัฐ ซึ่งจัดโดย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ว่า การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ล้มเหลว พิสูจน์ได้จากผลสำรวจโพลล์ทุกสำนักทุกครั้ง ที่ให้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาอันดับแรกของรัฐบาล คสช.แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดจะไม่แย่ลงและดูเหมือนว่าจะดีขึ้นทั้งปี 60 และในปี 61 นี้ แต่ไม่ได้สะท้อนว่าความเดือดร้อนของประชาชนจะลดลง
ทั้งนี้ เพราะผลประประโยชน์การเจริญเติบโตตกอยู่กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้มีการกระจาย และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเกิดจาก การส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว หลังจากการส่งออกที่ตกต่ำและไม่ได้ขยายตัวมาหลายปี การท่องเที่ยวก็ขยายตัวเองตามศักยภาพเช่นกัน ไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลเลย
"ตลอด 3 ปีกว่าที่รัฐบาลบริหาร เศรษฐกิจโตเฉลี่ยเพียงปีละ 2.7% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านโตเฉลี่ย ใน 3 ปีกว่านี้ สูงกว่าไทยมาก ขนาดประเทศสหรัฐอเมริกา ยังโตสูงมาก จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไทยโตได้น้อย ในขณะที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวดี แต่ทั้งนี้ปัญหาความเหลื่อมล้ำยังเพิ่มขึ้นตลอด" นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ตนได้เคยขอให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยมาตลอด 3 ปีกว่า แต่รัฐบาลเพิ่งจะมาเริ่มดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในปีสุดท้าย ทั้งที่ควรทำตั้งแต่เริ่มเข้าบริหาร หากมีความตั้งใจจะช่วยประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง นี่ก็จะออกงบประมาณกลางปีอีก 1.5 แสนล้านบาท ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ต้องทำเพราะต้องการหาเสียงทางการเมืองใช่หรือไม่ เพราะเพิ่งจะประกาศตัวเองว่าเป็นนักการเมือง อีกทั้งการให้บัตรคนจนซื้อของเฉพาะในร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีผู้ผลิตไม่กี่รายได้ประโยชน์ จะถือเป็นการล็อกสเป็กจัดซื้อเพื่อเอื้อประโยชน์นายทุนบางรายใช่หรือไม่ จึงอยากให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศยังเป็นปัญหา ยอดการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำมาก ยอดขอบีโอไอ เหลือเพียง 6.4 แสนล้านเท่านั้น การลงทุนจริงยิ่งต่ำกว่ามาก และรัฐบาลไม่กล้าแถลงยอดการลงทุนใน EEC ที่ยังไม่ค่อยมีคนมาลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคงสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว โดยจะหวังแต่การลงทุนในภาครัฐคงไม่ได้ แถมการลงทุนในภาครัฐก็เป็นไปอย่างช้ามาก ข้าราชการส่วนใหญ่คงอยากรอทำงานให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมากกว่า เพราะสามารถตรวจสอบได้ ไม่อยากต้องตอบคำถามแบบคลุมเครือเหมือน ป.ป.ช.ที่ตอบเรื่องนาฬิกา
อย่างไรก็ตาม อยากขอเตือนรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาหลายเรื่อง เช่น ค่าบาทแข็ง พร้อมเพย์ล่ม ที่ตนเคยเตือนไว้ตั้งแต่รัฐบาลเริ่มใช้แล้ว และบิตคอยน์ ที่อาจจะเป็นปัญหาได้ เป็นต้น โดยอยากให้รัฐปรับแนวคิดให้ทันโลก เพื่อประเทศไทยจะได้สามารถพัฒนาความสามารถในการแข่งขันได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี