ปมนาฬิกาหรูของ"บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกลายเป็นประเด็นแหลมคมทางการเมืองทันทีหลังจากเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงถึงที่มาไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เป็นนาฬิกาที่เพื่อนเอามาให้ใส่ และได้ส่งคืนเพื่อนไปหมดแล้ว แต่ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ชี้มูลว่า มีความผิดจริงก็พร้อมจะลาออก
บิ๊กป้อมร้องวู้ว..โดนซักปมนาฬิกา
อย่างไรก็ตามในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่าเมื่อผู้สื่อข่าวซักถามในประเด็นนาฬิกาหรูอีกครั้งกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะเข้ามาตรวจสอบการจ่ายภาษี ปรากฏว่า วงแตกทันทีเมื่อพล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์พร้อมกับร้อง"วู้ว..."ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมของผู้สื่อข่าวออกไปทันที
ปปช.ปัดตอบอ้างขอเวลาทำงาน
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า นาฬิกาหรูเป็นของเพื่อนที่ยืมมา และได้ชี้แจงต่อป.ป.ช. ไปหมดแล้ว โดยกล่าวสั้นๆ เพียงว่า ขอให้ ป.ป.ช.ทำงานก่อน
ผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงครบทั้ง 2 ครั้งแล้วหรือยัง นายวรวิทย์ กล่าวเหมือนเดิมว่า ขอให้ป.ป.ช.ทำงานก่อน ถ้าเสร็จแล้วจะแถลงให้ทราบต่อไป
อภิสิทธิ์โต้บิ๊กตู่ห่วงผลกระทบรบ.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)กล่าวตอบโต้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ที่ออกมาเรียกร้องให้นักการเมืองหยุดสร้างวาทะกรรมทางการเมืองว่า กรณีที่ตนเสนอแนะไปเพราะเป็นห่วงผลกระทบต่อรัฐบาล หากสังคมไม่เชื่อถือแล้วปล่อยให้ยืดเยื้อก็จะยิ่งทำให้ขาดความเชื่อมั่นและขาดการสนับสนุนจากประชาชน
สังคมเริ่มไม่เชื่อถือการทำงานปปช.
ส่วน ป.ป.ช.เมื่อชี้มูลแล้วก็จะมีผลทางกฎหมายตามอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ปัญหาต่อนนี้คือสังคมเกิดความไม่เชื่อมั่นในตัวป.ป.ช.ด้วยจึงอยากเห็นการชี้แจงอย่างชัดเจนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร หากยืนยันว่า ยืมเพื่อนมาใส่ก็ชี้แจงรายละเอียดว่ามีกี่เรือน ยืมจากใคร สังคมจะได้จบเรื่องนี้ไป แต่ถ้ายังชี้แจงเพียงเท่านี้การวิพากษ์ วิจารณ์ก็จะยังอยู่ในสภาพเดิม ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล
จี้นายกฯคุยกับบิ๊กป้อมหาทางออกซะ
"ผมคิดว่านายกรัฐมนตรี อย่างน้อยที่สุดต้องคุยกับพล.อ.ประวิตร ว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้เรื่องนี้กระทบความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และแปลกใจอยู่ว่าท่านนายกฯใช้คำพูดว่าอย่าเอาวาทกรรมทางการเมืองมาพูด ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องวาทกรรมแต่เป็นเรื่องพฤติกรรม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
โชว์มาตรฐานนักการเมืองเก่าตอกคืน
พร้อมระบุว่า ทั้งนี้ สิ่งที่ตนพยายามชี้ให้เห็นก็คือในฐานะนักการเมืองที่ถูกรัฐบาลชุดนี้ต่อว่าต่อขานว่าการเมืองเก่าๆ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จึงชี้ให้เห็นว่ามาตรฐานในรัฐบาลตนที่เป็นนักการเมืองเก่า มีความชัดเจนและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มีปัญหาที่สังคมสงสัย รัฐมนตรีก็ลาออกทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้ว่ามีความผิด และสุดท้ายก็ไม่ได้มีความผิดด้วย
"ดังนั้นหากนายกฯ ยังอยากใช้คำว่าธรรมาภิบาลอยู่ ก็ควรสะสางเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วยการสร้างมาตรฐานทางการเมือง อย่างน้อยที่สุดก็คือมาตรฐานการชี้แจงให้เกิดความโปร่งใสต่อสังคม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ลูกพรรคดาหน้าขย่มเอาพี่หรือเอาชาติ
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตรวจสอบได้ไม่ยากว่านาฬิการุ่นไหนซื้อจากที่ใด แต่ที่จะตรวจสอบไม่ได้มีรุ่นเดียวคือ นาฬิการุ่นหน้าด้าน ทั้งนี้ตนอยากฟังคำตอบจาก ป.ป.ช.ว่าจะพังพาบหรือคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีในการตรวจสอบ เพราะในขณะนี้ตนมองป.ป.ช.ว่าเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันปราบปรามการทุจริตทั้งกฎหมายและโครงสร้าง ประกอบกับมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวจากกฎหมาย ทำให้เชื่อถือไม่ได้
"ถามว่าใครเป็นคนที่ทำให้พังวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลือกระหว่างพวกพ้องน้องพี่กับประเทศชาติ ไม่เช่นนั้นชาติพัง" นายชาญชัย กล่าว
ราเมศจี้หลักธรรมาภิบาลวัดใจบิ๊กตู่
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในกรณีเดียวกันว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ ออกมาพูดเรื่องนาฬิกาหรูเพราะหวังประโยชน์ทางการเมืองว่า ไม่เป็นความจริง เพราะหากมีการตรวจสอบเรื่องนี้ตามคำแนะนำของนายอภิสิทธิ์ จะทำให้เกิดความโปร่งใส เพราะขณะนี้การกระทำของรัฐบาลขัดกับหลักธรรมาภิบาลโดยสิ้นเชิง ทั้งหลักนิติธรรม คุณธรรม และความโปร่งใส
"สังคมกำลังเคลือบแคลงสงสัยว่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลไม่มีความโปร่งใสในเรื่องบัญชีทรัพย์สินและไม่พร้อมให้ตรวจสอบ เมื่อนายกฯอ้างเรื่องธรรมาภิบาลก็ต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส และขอให้นายกรัฐมนตรีเลิกโจมตีโดยไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริง" นายราเมศ กล่าวย้ำ
พท.ขู่แฉข้อมูลลับสัปดาห์หน้า
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมด โดยในสัปดาห์หน้าจะเป็นเผยข้อมูลเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ
"เต้น"ชี้ประเด็นลุกลามไปไกลแล้ว
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ประเด็นเรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร ไปไกลกว่าแค่มีกี่เรือนหรือเป็นของใครไปมากแล้ว เพราะเรื่องนี้กำลังอธิบายภาพใหญ่ให้สังคมไทยเห็นว่า อำนาจรัฐที่ไม่ได้มาจากประชาชนนั้น ทุกอย่างเบ็ดเสร็จทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และกลไกตรวจสอบ ไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ทั้งนี้ รูปธรรมคือ เกิดคำถามในใจประชาชนว่า ด้วยมูลค่าและจำนวนนาฬิกามากมายขนาดนี้ เป็นผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้ครอบครองหรือไม่ ฝ่ายบริหารที่มาจากการยึดอำนาจโดยอ้างเหตุสำคัญเรื่องการคอร์รัปชัน กำลังทำในสิ่งเดียวกันกับที่กล่าวหารัฐบาลจากประชาชนหรือไม่
เย้ยปธ.ปปช.หันรีหันขวางไม่กล้าแตะ
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เมื่อเรื่องเข้าสู่องค์กรตรวจสอบคือ ป.ป.ช. ปรากฏว่า ประธานซึ่งอยู่ในตำแหน่งโดยมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติกลับเป็นคนใกล้ชิดของผู้ถูกยื่นเรื่องร้องเรียน ท่าทีจึงหันรีหันขวางอ้างเรื่องเวลา ทั้งที่คนส่วนใหญ่ใช้สติปัญญาหาข้อสรุปเรื่องนี้ได้นานแล้ว พอหันไปมองบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ สนช.ชุดนี้ก็ไม่ได้ทำหน้าที่รับใช้ประชาชน เรื่องดังขนาดนี้สักครึ่งกระทู้ก็ไม่มีใครตั้ง ถามสักคำก็ยังไม่มีใครกล้า แต่กลับกล้าถึงขนาดยกมือผ่านกฎหมายให้ป.ป.ช.อยู่ต่อถึง 9 ปี ทั้งที่มีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญ นี่เป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องเรียนรู้ว่า อำนาจเผด็จการไม่ใช่คำตอบในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน แต่กลับทำให้กลไกต่างๆเป็นแค่ตัวประกอบที่ต้องแสดงตามบทของผู้มีอำนาจเท่านั้น
วอนทำเพื่อปชช.สักครั้งก่อนพ้นเก้าอี้
"ป.ป.ช.จะชี้มูลพล.อ.ประวิตรหรือไม่ต้องรอดู แต่ผมเห็นว่ากรณีนี้พล.อ.ประวิตรได้ชี้มูลป.ป.ช.ไปแล้วว่า ทำหน้าที่ให้ประชาชนไว้วางใจได้หรือไม่ เชื่อว่าในที่สุดประธานและกรรมการที่มีปัญหาคุณสมบัติต้องพ้นจากหน้าที่ ไหนๆ ก็จะเป็นอย่างนี้แล้วจึงอยากร้องขอให้ประธานป.ป.ช.ทำงานรับใช้ประชาชนสักครั้ง ด้วยการส่งมอบสำนวนยกคำร้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มนปช.เมื่อปี 2553 ต่อญาติผู้เสียชีวิต และขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไปให้ถึงศาล อย่างน้อยก็อาจทำให้ท่านเป็นที่จดจำว่า ได้เคยทำหน้าที่เพื่อประชาชนด้วย ไม่ใช่เพียงแค่รับใช้ผู้มีอำนาจเท่านั้น" แกนนำ นปช.กล่าว
อนุสรณ์บอกไม่เหนือความคาดหมาย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุ นาฬิกาหรูที่เป็นประเด็นปัญหาเป็นของเพื่อนเอามาให้ใส่ และได้ส่งคืนหมดทุกเรือนแล้ว ว่า ไม่เหนือความคาดหมาย พล.อ.ประวิตรต้องออกแนวนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง สังคมอยากตั้งคำถาม เพื่อนดีๆเหล่านี้ท่านไปหามาจากที่ไหน ท่านมีเพื่อนดีๆแบบนี้มีกี่คน เพื่อนที่ให้ท่านยืมนาฬิกามีกี่คน แต่ละคนชื่ออะไรบ้าง เพื่อนท่านเป็นเจ้าของร้านนาฬิกา เป็นมหาเศรษฐี หรือเป็นเจ้าของโครงการขนาดใหญ่ของรัฐหรือไม่
โยงประเด็นสงสัยต่ออายุปปช.เพื่อการใด
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า นาฬิกาเหล่านี้มีหมายเลขกำกับ เพื่อนของท่านเสียภาษีศุลกากรนำเข้าถูกต้องหรือไม่ ระยะเวลาการยืม ยืมเมื่อไหร่ คืนเมื่อไหร่ และจากนี้ไปไม่รู้จะพบเพิ่มอีกกี่เรือน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.ต้องทำงานอย่างหนักท่ามกลางประเด็นที่สังคมสงสัย ทั้งเรื่องที่ท่านเคยเป็นเลขาพลเอกประวิตร รวมถึงเรื่องการต่ออายุกรรมการป.ป.ช. ซึ่งมี กรรมการป.ป.ช.ที่อาจได้รับผลกระทบ 2 คนคือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ และนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ในเรื่องลักษณะต้องห้าม สงคมสงสัยว่าถ้าหากขาดคุณสมบัติแล้วยังได้อยู่ต่อ อยู่ต่อเพื่อการใดหรือไม่
ถามนายกฯฟังคำชี้แจงแล้วรับได้หรือไม่
"ท่านคิดว่าคำชี้แจงของพล.อ.ประวิตรแบบนี้ ประชาชนจะเชื่อถือหรือรับได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ดีจะกระทบต่อป.ป.ช.และรัฐบาลทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ฟังคำชี้แจงนี้แล้วรู้สึกอย่างไร รับได้หรือไม่ ขนาดกองหนุนท่านที่เริ่มหมดก็ยังกังขาเรื่องนี้ และก็รอดูท่าทีของท่าน พล.อ.ประยุทธ์เชื่อในคำชี้แจงแบบนี้หรือไม่ ท่านมีเพื่อนให้ยืมนาฬิกาเยอะๆแบบนี้หรือไม่ เพราะขนาดบารมีระดับรองนายกฯยังมีเพื่อนให้ยืมเกือบ 30 เรือน มีใครมาให้ท่านนายกฯยืมนาฬิกาหรูบ้างหรือไม่" นายอนุสรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี