ดักคอลากยาวพรป.เลือกตั้ง
บิดเบือน‘รธน.’
ฝ่ายการเมืองจับมือคัดค้าน
เตือน‘สนช.’ต้องคิดให้หนัก
ด่วนให้ผ่านเป็นจำเลยสังคม
อ้างทุกฝ่ายอยากหย่อนบัตร
บิ๊กป้อมจับตาพวกคิดล้มรบ.
หลายพรรคดักคอ สนช.อย่าด่วนผ่านร่างพ.ร.ป.เลือกตั้ง สส.โดยหมกเม็ดยืดเวลาบังคับใช้อีก 90 วัน ชี้เป็นการบิดเบือนรัฐธรรมนูญ ช่วยพรรคเกิดใหม่หนุนบิ๊กตู่เป็นนายกฯ แล้วจะเกิดวิกฤติขึ้นมาอีก บอกทุกฝ่ายพร้อมเลือกตั้งแล้ว ด้าน“บิ๊กป้อม”เผยจับตาดูกลุ่มการเมืองจ้องล้มรัฐบาลอยู่แล้ว ขณะที่’ปปช.’เร่งรวบรวมข้อมูลนาฬิกาหรู
เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 19มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก และคณะกรรมการนโยบาย และแผนงานการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.เขียนเอกสารด้วยลายมือแจกให้ครม.เมื่อ16ม.ค.ว่า มีกลุ่มการเมืองพยายามจะล้มรัฐบาลและคสช.ว่า “ดูอยู่แล้ว”
ต่อมา เวลา11.45น.ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ากลุ่มการเมืองที่จ้องล้มรัฐบาล คือกลุ่มใด พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินเลี่ยงกลุ่มสื่อมวลชน และขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที
‘ปปช.’เร่งตรวจสอบนาฬิกาหรู
นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า ยังอยู่ระหว่างการให้สำนักงาน รวบรวมพยานหลักฐานให้เรียบร้อยก่อน คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ขอให้ใจเย็นๆกันก่อน ขณะนี้เป็นขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สิน ซึ่งก็มีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว ส่วนที่สังคมออนไลน์มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาหรูจำนวน 25 เรือนแล้วนั้น จะนำมาตรวจสอบทั้งหมด ซึ่งก็ต้องขอบคุณสื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ให้ข้อเท็จจริงกับ ปปช. ถือเป็นความร่วมมือในการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน
หนุ่มตื๊อมอบนาฬิกาหวิดเจ็บ
เวลา 09.00น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวอิสระ พร้อมด้วย นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ ได้เดินทางนำนาฬิกา 3เรือนและโปสเตอร์คอลเลกชันนาฬิกา 25 เรือนมามอบให้ พล.อ.ประวิตร เนื่องจากช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกและคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ปรากฏว่า ขณะที่ นายเอกชัย กำลังโชว์นาฬิกาอยู่นั้น นายฤทธิไกร ชัยวรรณศาสน์ ชาว จ.จันทบุรี อายุ 56ปี ปรี่เข้าจะทำร้าย นายเอกชัยและนายโชคชัย แต่เจ้าหน้าที่สามารถล็อกตัวเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะนำตัวไปที่ สน.ดุสิต ส่วน นายเอกชัย และนายโชคชัย ทางเจ้าหน้าที่เชิญตัวเข้ามาในสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นร่างกาย นายฤทธิไกร พบมีดพกแบบพับยาว 3นิ้ว ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพานข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาพกมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นตำรวจได้เชิญตัว นายเอกชัยและนายโชคชัยไปพูดคุยทำความเข้าใจด้วย
อย่าเลื่อนเวลาบังคับใช้กฎหมาย.
วันเดียวกัน นายภราดร ปริศนานันทกุล พร้อมด้วยนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล และนายศิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) กลุ่มนิวบลัดหรือแกนนำรุ่นใหม่ของพรรค แถลงถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้
โดยนายภราดร กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการยืดระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ออกไป 90 วัน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองที่จะตั้งใหม่ว่า ตามหลักกฎหมายสามารถทำได้ แต่เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่า กรรมาธิการฯ จะแก้ไขตามกระแสข่าวหรือไม่ เพราะไม่ทราบว่า กรรมาธิการฯ คนใดคือผู้ที่ออกมาให้ข่าวดังกล่าว ตนมองว่า การออกมาให้ข่าวเช่นนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่าจะเดินหน้าเลือกตั้งตามโรดแมป เพราะหากมีการขยายระยะเวลาจริง ก็จะต้องทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีก 90วัน เมื่อถามว่า มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาบังคับใช้เพื่อให้พรรคการเมืองได้ปรับตัวก่อนการเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายศิริพงศ์ กล่าวว่า การขยายเวลาไม่สำคัญเท่าการกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพราะพรรคมีความพร้อมอยู่แล้ว แต่หากการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือ การแก้ปัญหาของประชาชนให้ดี
ด้าน นายกรวีร์ กล่าวว่า หากวันเลือกตั้งมีความชัดเจนตามโรดแมป และกติกาที่เป็นไปอย่างเป็นธรรม ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ทุกพรรคย่อมยอมรับได้ แต่ขอให้กรรมาธิการฯที่พิจารณากฎหมายดังกล่าว อย่ามองว่าพรรคการเมือง หรือนักการเมืองเป็นปฏิปักษ์ ขอให้รับฟังความเห็นจากนักการเมือง และพรรคการเมืองที่จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ไม่เช่นนั้นนักการเมือง จะรู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง เสียประโยชน์ ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต
ปชป.ยำบิดเบือนรัฐธรรมนูญ
ในประเด็นเดียวกันนี้ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เป็นการหน่วงเวลาเพื่อยืดการเลือกตั้ง เท่าที่จำได้ไม่เคยปรากฎเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน การหน่วงเวลาการเลือกตั้งโดยกฎหมายในครั้งนี้เหมือนกับการบิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้เลือกตั้งใน 150 วัน หลังกฎหมายใช้บังคับ
“หากเราย้อนเวลาหาอดีต การบิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก่อให้เกิดวิกฤติในประเทศเกือบทุกครั้ง ก่อนนี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามแก้รัฐธรรมนูญ ก็เกิดวิกฤติเพราะประชาชนเห็นว่า บิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาครั้งนี้ การหน่วงเวลาการบังคับใช้กฎหมาย ก็เท่ากับบิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน เพียงแต่ครั้งที่แล้วเป็นการบิดเบือนโดยผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ครั้งนี้ เป็นการบิดเบือนโดยผู้มาจากเผด็จการ”นายนิพิฎฐ์ ระบุ
ระวังสนช.จะเป็นแพะของสังคม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวถึงการขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายต้องมีเหตุผล ซึ่งตามประเพณีปฏิบัติกฎหมายส่วนใหญ่จะมีผลบังคับใช้นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่กฎหมายบางฉบับที่อาจกำหนดระยะเวลาให้มีผลใช้บังคับในอนาคตได้ เช่น อีก 90 วัน อีก 180 วันข้างหน้า ซึ่งอาจจะมาจากความจำเป็นหรือความไม่พร้อมของส่วนต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเข้าสภาในวาระ 3 ปลายเดือนมกราคมนี้ มีข่าวว่าจะมีการกำหนดให้มีผลบังคับใช้ทอดออกไป 3 เดือน 6 เดือน หรือไปไกลจนถึง 1 ปี ก็ต้องดูว่า สนช. ใช้เหตุผลอะไรในการอ้างว่าจำเป็นต้องทอดเวลาออกไป และได้ถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แล้วหรือยัง
“เรื่องนี้ สนช.ต้องระวัง เพราะอาจตกเป็นแพะทางสังคม เนื่องจาก ทุกฝ่ายอยากให้มีการเลือกตั้งแล้ว “นายสมชัย กล่าว
‘นพดล’หวั่นกระทบนักลงทุน
นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวคิดการแก้ร่าง พรป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ให้มีผล บังคับใช้ หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 90 วันว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำเช่นนั้นจริงหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่านักการเมืองไม่ได้เดือดร้อนว่าจะเลือกตั้งช้าไปสองสามเดือน ถ้ามีชุดคำอธิบายที่ดีพอ แต่ตนไม่อยากให้ความน่าเชื่อถือของท่านนายกฯที่ประกาศว่าจะให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ได้รับผลกระทบ เพราะจะทำให้การทำงานยากขึ้นและมันจะลามไปยังความน่าเชื่อถือของประเทศ เพราะเคยมีการตกลงในคำแถลงการณ์ร่วมที่ทำกับฝ่ายสหรัฐอเมริกา และต่อมาสหภาพยุโรปก็ยึดเอาคำพูดของท่านนายกฯที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน พฤศจิกายน 2561 จนยอมที่จะติดต่อทางการเมืองกับไทยอีกครั้ง
นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าเป็นการสนับสนุนพรรคเกิดใหม่ที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ
กมธ.ลดสว.จาก20เหลือ15กลุ่ม
ที่รัฐสภา พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงข่าวความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พรป.ดังกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้แบ่งกลุ่มที่มา สว.แบบใหม่ จากเดิม กรธ.แบ่งเป็น 20กลุ่ม เปลี่ยนเป็น 15กลุ่มสังคม ประกอบด้วย 1 กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง 2 กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 3 กลุ่มการศึกษา 4 กลุ่มการสาธารณสุข 5 กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก ทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง 6 กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคลซึ่งไม่ใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ 7 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน 8 กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว 9กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 10 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนา นวัตกรรม 11 กลุ่มสตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพลภาพ 12 กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น ๆ 13 กลุ่มศิลปะวัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม 14 กลุ่มประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์และ15กลุ่มอื่น ๆ
หัก’กรธ.’เลือกในกลุ่ม-ไม่เลือกไขว้
พล.ร.อ.ธราธร กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีได้มาซึ่งสว.ให้มีการเลือกกันเองในระดับอำเภอ จังหวัดและระดับประเทศ แต่ให้ยกเลิกวิธีการเลือกไขว้ตามที่กรธ.เสนอมา โดยเปลี่ยนเป็นการให้ผู้สมัครเลือกกันเองภายในกลุ่ม ซึ่งทั้ง 15 กลุ่มจะได้สมาชิกกลุ่มละ 13 คนรวมทั้งหมด 195 คน ส่วนเศษที่เหลืออีก 5 คนให้กลุ่มที่มีผู้สมัครมากที่สุดได้รับจำนวนสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มขึ้นอีกกลุ่มละ 1 คนเรียงตามลำดับ ทั้งนี้กรรมาธิการฯยังกำหนดวิธีป้องกันการทุจริตหรือการฮั้วกันในมาตรา 40 ไว้ว่า การเลือกกันเองของผู้สมัครแต่ละกลุ่ม หากมีผู้สมัครที่ไม่ได้รับการเลือกจากสมาชิกผู้ใดเลยมากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนผู้สมัครทั้งหมดในกลุ่มนั้น ให้สันนิษฐานว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น และสั่งให้ดำเนินการเลือกกันเองในขั้นตอนนั้นใหม่ อย่างไรก็ตามมีกรรมาธิการในสัดส่วนของกรธ.สงวนคำแปรญัตติขอให้คงเนื้อหาตามร่างเดิม ทั้ง 15กลุ่มเมื่อเลือกแล้วจะได้สว.กลุ่มละ 13คน รวมแล้ว 15กลุ่มจะได้ 195คน ที่ประชุมจึงให้พิจารณากลุ่มที่มีผู้สมัครมากที่สุดเรียงลำดับ 1-5 จะได้เพิ่มอีกกลุ่มละ 1คน ซึ่งเป็นการกระจายส.ว.ในแต่ละกลุ่มอาชีพ ก็จะได้ สว.ครบ 200คน จากนั้นส่งให้ กกต.ประกาศผลต่อไป ทั้งนี้ วันที่ 23มกราคม กมธ.จะประชุมสรุปก่อนส่งร่างฯให้ที่ประชุมสนช.พิจารณาในวันที่ 26มกราคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี