มท.1 อุ่นเครื่องติวเข้มปลัดจังหวัด-นอภ.ทั่วประเทศกว่าพันคนปูทางไทยนิยมก่อน “บิ๊กตู่” กดปุ่มประชุมใหญ่ 9 กุมภาพันธ์นี้ “อนุพงษ์” จัดชุดความรู้ 10 เรื่องลงสู่รากหญ้าทำสัญญาประชาคมสร้างปรองดอง คนไทยไม่ทิ้งกัน พร้อมสอดไส้ประชาธิปไตยสอนให้เลือกคนดีคนเก่งไม่ยึดแต่หัวคะแนนฐานเสียง ด้าน”ประยุทธ์” โต้พวกกล่าวหารัฐบาลหว่านเงินผ่านโครงการดังกล่าว ยันทำเพื่อสาธารณะอย่าบิดเบือน
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ห้องรอยัลจูบีลี บอลล์รูมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาตามโครงการ”ไทยนิยม ยั่งยืน” เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว ให้กับปลัดจังหวัด นายอำเภอทั่วประเทศ และผู้บริหารส่วนกลางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งสิ้น 1,004 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การติวเข้มครั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเป็นประธานมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมฯ ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ศุกร์ 9 ก.พ.นี้ เวลา 09.00น. ก่อนที่ทั้งหมดจะดำเนินการลงปฏิบัติจริงในวันที่ 21 ก.พ.นี้
ทั้งนี้พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า นายอำเภอทั้ง 878 คนต้องตั้งหลักให้ดี อย่างงเพราะถ้างง ชุดระดับตำบลคงจะแย่แน่ ตนพยายามจะทำให้เห็นภาพกว้างๆในโครงการไทยนิยม ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายอำเภอเป็นกลไกสำคัญที่ต้องลงไปดำเนินการบูรณการงานกันในพื้นที่ ติดตาม กำกับทีมระดับตำบล 7,000 กว่าทีม ที่จะต้องลงไปสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน 4 ครั้ง และต้องยืนอยู่บนหลักกฎหมาย ที่สำคัญการดำเนินการจะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่12 ยุทธศาสตร์ชาติ20ปี แผนความมั่นคง และนโยบายรัฐบาลด้วย
“ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายของนายอำเภอ แต่ก็เป็นศักดิ์ศรี เป็นเวลาทองของนายอำเภอที่จะทำ เพราะฉะนั้นมันอยู่ในมือท่านแล้ว ขอให้ทำให้ดีที่สุด ผมเชื่อว่าความสามารถในการปกครองไม่มีใครทำได้นอกจากนายอำเภอ ถึงเวลาที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำได้ก็จะสามารถสร้างความสำคัญให้กับรัฐบาล สัญญานะว่าตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป บ้านเมืองจะต้องสะอาด” รมว.มหาดไทย กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ไทยนิยมจะดำเนินการใน10เรื่อง ที่ทุกหน่วยงานต้องเร่งลงไปสร้างความเข้าใจ เริ่มจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แล้วนำไปทำแผนงานโครงการ จากนั้นก็นำมาสอนประชาชนให้เข้าใจ คาดว่าในระดับพื้นที่ก็คงจะได้เห็นกลไกของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านชัดเจนมากขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การมีคุณธรรม ใฝ่หาความรู้ ถ้าเราฝังเรื่องต่างๆเหล่านี้ลงไปในหัวของประชาชนได้ ประเทศก็จะสามารถเดินหน้าไปสู่ 4.0 ได้
ขณะเดียวกันในเรื่องของประชาธิปไตย ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองหรือไม่ อยู่ที่การเมือง การเข้ามาใช้อำนาจรัฐ และการเลือกตั้ง ถือเป็นสิ่งเป็นสำคัญ จะทำยังไงที่จะสอนให้ประชาชนเลือกตั้งแล้วได้คนดีคนเก่งให้ได้ ไม่ใช่เป็นการเมืองแบบเศษเสี้ยว ยึดแต่หัวคะแนน ฐานเสียง มิเช่นนั้นก็จะกลับมาขัดแย้งกันอีกเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชุดความรู้ 10 เรื่องในโครงการไทยนิยมฯ คือ 1.สัญญาประชาคมผูกใจไทยเป็นหนึ่ง ด้วยการสร้างความสามัคคีปรองดอง จัดให้มีการทำสัญญาประชาคม หรือเรียกอย่างอื่นให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเพื่อรับรู้และปฏิบัติตามร่วมกัน 2.คนไทยไม่ทิ้งกัน ด้วยการดูแลผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 3.ชุมชนอยู่ดีมีสุข ด้วยการพัฒนาความเป็นอยู่ อาชีพ และรายได้ให้แก่ประชาชน 4.วิถีไทยวิถีพอเพียง ด้วยการส่งเสริมให้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต รวมทั้งเสริมสร้างวินัยการออมในทุกช่วงอายุ 5.รู้สิทธิ รู้หน้าที่ และกฎหมาย ด้วยการให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องสิทธิ หน้าที่ และการเป็นพลเมืองที่ดี
6.รู้กลไกการบริหารราชการ ด้วยการให้ความรู้แก่ประชาชน ทั้งเรื่องกลไกการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละระดับ และการบริหารงบประมาณที่มุ่งประโยชน์แก่ประชาชน 7.รู้รักประชาธิปไตยไทยนิยม ด้วยการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาล 8.รู้เท่าทันเทคโนโลยี ด้วยการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับเทคโนโลยี ให้ความสำคัญต่อการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องผ่านโครงการสำคัญ เช่น อินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน 9.ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด บูรณาการการดำเนินงานของทุกภาคส่วนในการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจร และ 10.งานตามภารกิจของทุกหน่วยงาน
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวถึงโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ว่า วันนี้เราเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศในนโยบายที่เรียกว่า “ไทยนิยม” ที่ไม่ใช่เป็นการเอาเงินไปหว่าน หลายคนบิดเบือนวิจารณ์ว่า มีการใช้งบประมาณหลายล้านบาท และในขั้นที่สองของผู้ที่ถือบัตรผู้มีรายได้น้อย จะต้องมีการฝึกอาชีพโดยมีค่าอาหารให้ 50 บาท โดยระหว่างที่มาเราก็เลี้ยงข้าวเขา 1 มื้อ บางคนไปวิจารณ์ว่ารัฐบาลคิดอะไรไม่ออก จึงเอางบประมาณมาใช้จ่ายกันง่ายๆ ก่อให้เกิดการทุจริต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า แต่ถามว่าถ้าเอางบประมาณหว่านลงไปไม่ทั่วถึง คนทุกกลุ่มทุกพวก ไม่มีการพัฒนาขีดความสามารถแล้วมันใช่หรือไม่ หลายคนบอกว่าประชาชนไม่สนใจ แต่ก็อยู่ที่ความอยากพัฒนาตัวเอง ขอให้สื่อเข้าใจว่าเราไม่ได้คิดแต่เพียงว่าจะต้องใช้เงิน แต่เริ่มจากคิดว่าจะหาเงินมาจากที่ใด จะใช้เงินอย่างไร
“โครงการไทยนิยม ที่จะประชุมเปิดงานในวันที่ 9 ก.พ.นี้ ได้คิดมาแล้วหลายเดือน พร้อมเตรียมชุดทำงาน 7 พันกว่าชุดลงไปสอบถามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้หลายคนชื่นชมประเทศมหาอำนาจ ที่สามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ อย่างจีนซึ่งผมดูเป็นต้นแบบโดยจีนใช้ข้าราชการกว่า 2 ล้านคน สอบถามประชาชนถึงความต้องการเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ไม่ใช่หว่านโดยรวมและไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น”นายกฯกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี