กรธ.-กกต.ประสานเสียงยอมรับหวั่นสนช.โหวตคว่ำร่างลูกสส.-สว.ถ้าเคลียร์กันไม่จบ "สมชัย"ชี้อาจจะต้องเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีกอย่างน้อย6เดือน ด้าน"ชูศักดิ์"ชี้โกงแบบเซียนเหยียบเมฆหวังอยู่ยาว "สุริยะใส"ระบุนับวันปัจจัยกำหนดวันเลือกตั้งยิ่งดูสลับซับซ้อนและยุ่งยากขึ้น ส่วน"องอาจ"ถ้าร่างถูกตีตกการเมืองป่วนหนักแน่
11 ก.พ.61 นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ว่า เราคงต้องพูดกันด้วยเหตุและผลและหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจเหตุผลที่เราโต้แย้ง โดยเฉพาะประเด็นที่อาจจะขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เช่น ในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.การที่ให้มีมหรสพ อาจจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่างพรรคเล็กกับพรรคใหญ่อาจจะทำให้เกิดความไม่เที่ยงธรรมได้
ขยายเวลาเลือกตั้งก็ส่อมีปัญหาทางปฏิบัติ
นายชาติชาย กล่าวว่า ส่วนการขยายเวลาการเลือกตั้งเป็น เวลา 07.00 - 17.00 น.นั้น ฟังดูตอนแรกเหมือนจะดี หวังให้คนออกมาเลือกตั้งจำนวนมาก แต่ของเดิมที่ให้เลือกตั้งเวลา 08.00 - 15.00 น.ในครั้งก่อนก็มีคนออกมาใช้สิทธิมากถึงร้อยละ 75 อยู่แล้ว และหลายพื้นที่ที่ทุรกันดารเป็นป่าเขาอาจจะไม่สะดวกเวลาขนส่งหีบเพื่อไปนับคะแนน อาจจะกินเวลาไปในช่วงค่ำมืด จะเกิดการทุจริตได้ง่ายกว่าเดิมหรือไม่
หั่นกลุ่มที่มาสว.เปิดช่องทางฮั้ว
นายชาติชาย กล่าวอีกว่า ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.การแบ่งประเภทผู้สมัครเป็น 2 กลุ่ม คือ แบบอิสระและตัวแทนจากองค์กร ตนคิดว่าขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแน่ ส่วนการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลดกลุ่มอาชีพเหลือ 10 กลุ่ม จากที่ กรธ.เสนอ 20 กลุ่ม อาจจะทำให้ความหลากหลายของ ส.ว.ที่มาจากอาชีพต่างๆ ลดลง และการเลือกกันเองแทนการเลือกไขว้อาจจะทำให้เกิดการฮั้วได้ง่ายกว่า ทั้งหมดนี้เราต้องอธิบายให้กับทาง กมธ.เข้าใจถึงผลเสียที่จะตามมา ตนหวังว่าทาง กมธ.และ สนช.จะรับฟังและเข้าใจ
ถ้าสนช.ไม่เคลียร์มีสิทธิ์โดนคว่ำ
"แต่ที่น่ากังวลคือ หากข้อโต้แย้งของเราผ่าน กมธ.แล้ว และปรับแก้ให้ ถึงตรงนั้นเราก็ต้องหาทางชี้แจงแก่ สนช.ให้เข้าใจด้วยว่าเหตุผลที่ปรับแก้คืออะไร ไม่เช่นนั้นหาก สนช.โหวตไม่เห็นด้วย ร่างกฎหมายนั้นก็ตกไปและต้องร่างใหม่ อาจจะกระทบต่อการเมืองอย่างสูง รวมทั้งกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วย เราหวังว่าหากแก้ไขแล้ว สนช.จะเข้าใจ" นายชาติชาย กล่าว
กกต.ส่งข้อโต้แย้งให้ปธ.สนช.แล้ว
เช่นเดียวกับ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า ขณะนี้ กกต.ได้ส่งความเห็นแย้งที่มีต่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสภมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.ผ่านมา หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย
สนช.เห็นคล้อยไม่ควรจ้างมหรสพ
ทั้งนี้ จากการพิจารณาประเด็นที่เห็นตรงกันระหว่าง กกต.และ กรธ.คือ การไม่เห็นด้วยกับการให้มีมหรสพในช่วงหาเสียงการเลือกตั้ง ดังนั้น ในขั้นตอนการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ประเด็นนี้น่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการลงคะแนนเสียงและท่าทีของ สนช.ในช่วงหลังก็เริ่มมีแนวโน้มที่เห็นคล้อยตามข้อเสนอของ กรธ.และ กกต.และในขั้นตอนการโหวตของที่ประชุม สนช.ก็คิดว่าน่าจะโหวตในทิศทางเดียวกันคือไม่ให้มีการจัดมหรสพช่วงหาเสียงการเลือกตั้ง เพราะทุกคนน่าจะพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี
ส่วนประเด็นอื่นๆ นายสมชัย กล่าวว่า เห็นว่าคงต้องรอดูว่าท่าทีของกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จะเห็นเป็นอย่างไร ซึ่งข้อเสนอของ กกต.ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะได้รับการตอบสนองจาก 2 ฝ่าย ก็ขอให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของที่ประชุม
ที่มาสว.เห็นตรงข้ามกันคนละม้วน
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ทาง กรธ.มีความเห็นตรงกันข้ามเป็นหนังคนละม้วนกับทาง สนช.ในประเด็นการจำแนกประเภทผู้สมัครอิสระกับนิติบุคคล การลดจำนวนกลุ่มอาชีพ และการวิธีการเลือกไขว้มาเป็นการเลือกตรง เบื้องต้นก็คงต้องรอดูว่ากรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จะพิจารณาอย่างไร ทาง กกต.คงต้องมากำหนดและทบทวนท่าทีว่าจะยืนตามความเห็นเดิมที่ไม่มีการปรับแก้ไขหรือไม่อย่างไร
ยอมรับหวั่นโดนคว่ำยืดไปอีก6เดือน
"หนึ่งเสียงของประธาน กกต.จะมีความหมายมาก หากฝ่าย กรธ.และ สนช.ต่างยืนยันความเห็นของฝ่ายตัวเอง เพราะถ้าประธาน กกต.โหวตไปในทางใด ฝ่ายนั้นก็จะชนะ ทั้งนี้ ผมมองว่าถ้าฝ่าย กรธ.ชนะ จะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไปแพ้โหวตในที่ประชุม สนช.เพราะจะทำให้ร่างกฎหมายทั้งฉบับตกไป ต้องเข้าสู่กระบวนการยกร่างใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ถือเป็นสิ่งที่ผมเองค่อนข้างกังวล" นายสมชัย กล่าว
"ชูศักดิ์"ชี้ร่างกม.ถูกตีตกยุ่งแน่
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเชื่อว่ากรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายน่าจะไม่ถึงขึ้นแตกหักกันเพราะมาจากแม่น้ำสายเดียวกัน มาจาก คสช.ด้วยกัน ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดการปีนเกลียว พูดกันไม่รู้เรื่องถึงขั้นแตกหัก ดูไม่น่าจะเกิดขึ้น คงจะมีทางรอมชอมหาข้อยุติกันได้แล้วเสนอ สนช.เพื่ออนุมัติกฎหมายในขั้นสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญไปเขียนว่าหาก สนช.ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กรรมาธิการฯ เสนอและมีมติไม่น้อยกว่าสองในสามไม่อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว ให้ร่างกฎหมายนั้นเป็นอันตกไป และไม่ได้เขียนอะไรไว้อีกว่าจะต้องยกร่างใหม่อย่างไร ใครยกร่าง ใช้เวลาเท่าไร กรณีจึงอาจเข้าใจได้ว่าเป็นความจงใจของผู้ร่างรัฐธรรมนูญว่าต้องการให้เกิดสภาพเช่นนั้นหรือไม่
จับตาแบบเซียนเหยียบเมฆหวังอยู่ยาว
"แน่นอนว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น การเลือกตั้งก็ต้องเลื่อนออกไปอีก และคงไม่ใช่แค่วันสองวัน อาทิตย์สองอาทิตย์ เพราะยังไม่สามารถประกาศใช้กฎหมายที่จำเป็นต่อการเลือกตั้ง ต้องยกร่างกันใหม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็คือการร่วมกันโกงกฎหมายอีกนั่นเอง โกงแบบสมคบคิด แบบเซียนเหยียบเมฆ ถึงเวลานั้นก็จะถึงบางอ้อว่าการรัฐประหารเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและให้อยู่ในอำนาจให้ยาวที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้ หรือโดยไม่รู้จะเอามุกอะไรมาเล่นได้อีกแล้ว หรือจนกว่าจะมีอันเป็นไป เช่น ถูกขับไล่ไปเสียก่อน คำที่หัวหน้า คสช.พูดว่าต้องรอให้กฎหมายเสร็จเสียก่อนจึงดูเหมือนคำพูดที่ไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน" นายชูศักดิ์ กล่าว
"ยะใส"ให้จับตาจุดหักเหเลือกตั้ง
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงจุดหักเหเฉพาะหน้าของโรดแมปเลือกตั้ง ว่า จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่อย่างไรนั้น ตนคิดว่าต้องจับตาดูกระบวนการพิจารณากฎหมาย 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาของ กรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย คือ สนช. , กรธ.และ กกต.
ถ้ายื่นตีตความยุ่งไปกันใหญ่แน่
โดยเฉพาะร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.นั้น มีรายละเอียดหลายประเด็นที่เห็นต่างกันอยู่มาก ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้า กรธ.3 ฝ่าย เห็นต่างกัน และต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของ สนช.เพื่อผ่านร่าง พ.ร.ป.อาจเกิดปัญหาได้ หรือขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญหากวินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ฉบับดังกล่าวขัดกับเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ก็ยิ่งจะไปกันใหญ่ เพราะต้องเริ่มต้นเขียนกันใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ และใครจะประกันว่าจะไม่เกิดปัญหาใหม่ขึ้นอีก
นับวันสลับซับซ้อนและยุ่งยากขึ้น
นายสุริยะใส กล่าวว่า ทั้งนี้ ข้อพิพาทในสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ป.ฉบับนี้ อาจมีคนมองว่าเป็นเกมของคนที่ยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้งก็ได้ หรืออาจถูกมองว่าเป็นปัญหาที่ผู้เกี่ยวข้องทั้ง กรธ. , สนช.และ กกต.เห็นต่างกันโดยสุจริตใจก็ย่อมได้เช่นกัน แต่ปัญหาก็คือจะะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อโรดแมปเลือกตั้งลดลงหรือจางหายไป จนอาจกลายเป็นเงื่อนไขทางการเมืองให้กลุ่มเรียกร้องเลือกตั้งยกเป็นเหตุผลในการระดมคนมาชุมนุมกดดันรัฐบาลได้มากขึ้นเช่นกัน
"แต่หากรัฐบาลประกาศวันเลือกตั้งชัดเจน แรงกระเพื่อมหรือกดดันทางการเมืองก็อาจลดลง แต่ก็เป็นปัญหาว่ารัฐบาลเองจะประกันได้หรือไม่ว่าจะไม่เลื่อนอีกก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน สถานการณ์วันนี้ยิ่งนับวันตัวแปรและปัจจัยกำหนดวันเลือกตั้งยิ่งดูสลับซับซ้อนและยุ่งยากขึ้นเป็นลำดับ" นายสุริยะใส กล่าว
ส่วน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระบวนการการกำหนดระยะเวลาวันเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า ขณะนี้ความชัดเจน หรือไม่ชัดเจน ของการกำหนดวาระเวลาการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับการทำงานของคณะกรรมาธิการร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ สนช. , กกต.และ กรธ.โดยเฉพาะขั้นตอนสุดท้าย คือ สนช.ว่าจะพิจารณาเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกับร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ
ถ้าสนช.คว่ำร่างป่วนแน่นอน
นายองอาจ กล่าวว่า ถ้า สนช.เห็นชอบก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการประกาศใช้กฎหมาย ซึ่งจะทำให้เห็นความชัดเจนขึ้น แต่ถ้า สนช.ไม่เห็นชอบกฎหมายก็ตกไปอันส่งผลให้เกิดความไม่ชัดเจนอย่างมากตามมา เพราะจะต้องเริ่มกระบวนการร่างกฎหมายกันใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหน อย่างไร ไม่มีใครบอกได้ว่าการเลือกตั้งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาใด อันจะก่อให้เกิดความสับสน ความไม่แน่นอน ทางการเมืองตามมาอย่างแน่นอน
วอนให้3ฝ่ายทำงานตรงไปตรงมา
นายองอาจ กล่าวอีกว่า การทำงานของกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย สนช. , กกต.และ กรธ.และการพิจารณาว่าเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกฎหมายทั้งสองฉบับของ สนช.จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามดูว่าจะทำงานอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ ถ้าทำงานตรงไปตรงมามีเหตุผลอธิบายได้ชัดเจน เชื่อว่าผู้คนส่วนมากในสังคมก็พร้อมจะยอมรับได้ แต่ถ้าการทำงานมีลับลมคมใน ไม่ตรงไปตรงมา มีเจตนาเพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เชื่อว่าผู้คนส่วนมากในสังคมคงไม่สามารถยอมรับได้ อาจเป็นชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคมกลายเป็นปัญหาบานปลายออกไปได้
"ดังนั้น ขอฝากให้ สนช. , กกต.และ กรธ.ใช้วิจารณญาณพิจารณากฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และกฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว.ทั้งสองฉบับโดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน บนหนทางของการเห็นพ้องต้องกันของประชาชนส่วนใหญ่ ที่อยากเห็นประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ตามครรลองประชาธิปไตยในที่สุด" นายองอาจ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี