รัฐบาลยอมรับสาเหตุสั่งโยกปลัด-รองปลัด พม. โยงปัญหาทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง แฉยังมีข้าราชการ พม. เอี่ยวอีกหลายระดับเข้าไปเกี่ยวข้อง "บิ๊กตู่" ลั่นยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด สั่งเช็คบิลให้หมดทุกคน ด้าน ปปท. ยอมรับมีเข้าคิวโดนเชือดทั้งผิดวินัย-อาญาอีกหลายราย ปชป.จี้เด้งระดับ "บิ๊ก" เพิ่มอีก 3 เตือนระวัง พม.ไฟไหม้ เอกสารทุจริตหายเรียบ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และ นายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม. มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีว่า การออกคำสั่งดังกล่าว เพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนการทุจริตเงินสงคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของ พม. มีความชัดเจน ถูกต้อง และเป็นธรรมมากที่สุด
รัฐบาลรับขรก.เอี่ยวเพียบโกงผู้ยากไร้
ทั้งนี้สืบเนื่องจากผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบความผิดปกติจริง แต่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และอาจมีความเกี่ยวข้องกับข้าราชการของ พม. ในหลายระดับ จึงจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
"นายกฯ ยอมไม่ได้ที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน เพราะรัฐบาลประกาศเป็นนโยบายชัดเจนแล้ว ยืนยันว่าหากพบการกระทำผิดจริงไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับใดจะต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องแต่ปล่อยปละละเลยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยด้ว" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
ปปท.แง้มผลสอบเบื้องต้นโดนทั้งวินัย-อาญา
ด้าน พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของ ป.ป.ท. ในช่วงที่ผ่านมา พบมีมูลเพียงขอแก่การตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อตั้งข้อกล่าวหาข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ว่าจะมีการพาดพิงไปถึงใครว่าทุจริต หรือเบียดบัง หรือละเว้น ก็จะดำเนินการทันที โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวามข้อมูลหลักฐาน ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาผู้ใด
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเรื่องการปลอมเอกสารหรือรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เบื้องต้นพบว่าผู้มีรายชื่อได้รับการสงเคราะห์ไม่ได้เซ็นเอง แต่มีเจ้าหน้าที่เซ็นแทน ซึ่งมีความผิดอาญาและผิดวินัยร้ายแรง แน่นอน
ยันไม่ต้องรายงานการสอบสวนให้พม.รู้
ด้าน พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวถึงกรณี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม. อ้างว่า ยังไม่ได้รับการรายงานข้อมูลการทุจริตจาก ป.ป.ท. แต่กลับมีการแถลงข่าวให้สังคมเข้าใจผิดว่า ขั้นตอนทำงานของ ป.ป.ท. เมื่อมีการร้องเรียน ป.ป.ท.ก็เข้าไปสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น ซึ่งพบข้อมูลจึงเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. ตั้งอนุกรรมการไต่สวน หากมีการทุจริตก็จะส่งเรื่องไปยังพนักงานอัยการเพื่อส่งดำเนินคดีอาญา และในส่วนความผิดวินัยก็ส่งเรื่องกลับไปยังต้นสังกัดดำเนินการ และที่ผ่านมาป.ป.ท.ก็ได้รับความมือเป็นอย่างดีจาก พม. ในการให้ข้อมูลเอกสารต่างๆ ที่ป.ป.ท.ต้องการเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
ดังนั้นจึงไม่ทราบว่า รมว.พม. ติดใจการทำงานของ ป.ป.ท. ประเด็นใด แต่ยืนยันว่า ป.ป.ท. ไม่มีอำนาจไปรายงานให้หน่วยงานใดทราบว่ากำลังทำอะไร เพราะเป็นการตรวจสอบตามหน้าที่ที่กฎหมายระบุไว้
จับตาจันทร์นี้แถลงพบความผิดเพิ่มอีก
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันจันทร์ ป.ป.ท. เตรียมแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมในกรณีการตรวจสอบการทุจริตศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งพบมีการกระทำผิดเพิ่มอีก
ด้าน นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบวินัยของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่นว่า จากรายงานอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการสอบวินัย พบว่าผอ.ศูนย์ฯ และเจ้าหน้าที่ 1 คน มีความผิดวินัยร้ายแรง และได้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาถึงบุคคลทั้งสองไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 2 คนนั้น อยู่ระหว่างสอบสวนเชิงลึกก่อนแจ้งข้อกล่าวหา
ปชป.จี้ย้ายอีก3ขรก.สกัดป่วนหลักฐาน
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงในวันเดียวกันว่า กรณีทุจริตที่เกิดขึ้น เป็นการทุจริตเงินทอนคนจนในปีงบประมาณ 2559-2560 รวมถึง 2,500 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงดังกล่าวแล้ว แต่ขอให้ รมว.พม. สั่งการให้มีการโยกย้ายข้าราชการที่เข้าข่ายเป็นผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 3 คน เพื่อให้พ้นจากอำนาจหน้าที่และเปิดทางให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใส ป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบด้วย 1.ผู้อำนวยการคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต ซึ่งดูแลการโอนงบประมาณช่วยเหลือคนจนและผู้ป่วยโรคเอดส์ 2. ผู้ตรวจการราชการ พม. ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับปลัด พม. และ 3.ผู้อำนวยการกองพัฒนาสังคมกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ซึ่งเป็นผู้ดูแลนิคมสร้างตนเองและศูนย์พัฒนสงเคราะห์ชาวเขาทั้งหมด
เตือนเฝ้าหลักฐานให้ดีระวังไฟไหม้
นายวัชระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ขอให้ รมว.พม. จัดเวรยามเพื่อรักษาเอกสาร โดยเฉพาะใบสำคัญจ่ายซึ่งทำการปลอมลายเซ็นโดยวิธีการใช้ไฟส่องใต้กระจก เพื่อเอาเอกสารที่มีลายเซ็นจริงไปทาบกับกระจกดังกล่าวให้เกิดเงาขึ้นในเอกสารปลอม แล้วเซ็นตามเงาลายเซ็นที่ปรากฎ ถือเป็นวิธีการที่แยบยล และต้องเฝ้าระวังมิให้เอกสารถูกไฟไหม้ หรือเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร โดยเฉพาะบัญชีเอกสารรายชื่อผู้รับเงิน คนไร้ที่พึ่ง คนผู้ป่วยโรคเอดส์ เพราะมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการทำลายหลักฐาน
จี้สอบด่วน2นิคมสร้างตนเอง
"ผมขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กันเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยาน เพราะการทุจริตดังกล่าวนี้ นอกจากจะเกิดขึ้นที่นิคมสร้างตนเองที่ศูนย์พัฒนาชาวเขาแล้ว ยังเกิดขึ้นกับบ้านพักเด็ก และครอบครัวอีกด้วย รวมทั้งมีเป้าหมายที่ควรเร่งเข้าไปตรวจสอบมากที่สุดก็คือ นิคมสร้างตนเอง เชียงพิณ จ.อุดรธานี และนิคมสร้างตนเอง ห้วยหลวง จ.อุดรธานี โดยรวมงบประมาณคนไร้ที่พึ่งทั้ง 2 แห่ง เป็นเงิน 50 ล้านบาท ไม่รวมงบประมาณการฝึกอบรม และงบอื่นๆ อีกนับร้อยล้านบาท โดยขอให้รีบดำเนินการตรวจสอบการทุจริตที่นิคมสร้างตนเองทั้ง 2 แห่งนี้โดยด่วน เพราะจากข่าวที่ปรากฎพบว่ายังไม่มีการตรวจสอบที่ จ.อุดรธานีเลย ทั้งๆ ที่เป็นจุดที่มีการทุจริตมากที่สุด และเป็นการทุจริตเงินคนจน บนคราบน้ำตาของชาวอีสาน" นายวัชระ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี