8 มี.ค.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิต บนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ กรอบแนวทางการดำเนินงานโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิต บนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ตามแนวพระราชดำริและพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่มีวิถีชีวิตริมน้ำ และขยายผลเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
นางพัชราภรณ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวได้มีการประชุมกันในวันนี้ ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมให้โครงการมีความสมบูรณ์ที่สุด ก่อนนำกราบเรียนนายกฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำไปเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
"รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตฯ โดยจะบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งส่วนราชการในส่วนกลาง ส่วนราชการในภูมิภาค ส่วนราชการท้องถิ่น ภาคเอกชน จิตอาสาและเครือข่ายสนับสนุนต่างๆ ทั้งหน่วยงานวิจัย สถาบันการศึกษา หน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อระดมความคิด อุปกรณ์ เครื่องมือนวัตกรรมใหม่ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาลำน้ำที่ได้รับการคัดเลือกมาจาก 76 จังหวัด จังหวัดละ 1 ลำน้ำ เป็นชุมชนต้นแบบในการดำเนินงาน โดยมีโครงการพัฒนาคูระบายน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต คลองเปรมประชากร และบึงมักกะสัน ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งคณะกรรมการเตรียมการคณะนี้จะมีส่วนร่วมได้สนองพระราชปณิธาน มาเป็นต้นแบบในการดำเนินงาน"
ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการเตรียมดำเนินโครงการ คือ 1.ให้มีการคัดเลือกชุมชนต้นแบบโดยมีหลักเกณฑ์การคัดเลือกชุมชนต้นแบบ ดังนี้ 1.1 เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตริมน้ำ คือ เป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ ริมคลอง หนอง บึง หรือคลองชลประทาน ที่ไม่ใช่แม่น้ำสายหลัก 1.2 เป็นชุมชนที่มีปัญหากับลำน้ำ เช่น น้ำเน่าเสีย คลองตื้นเขิน มีวัชพืชที่ก่อให้เกิดอุปสรรคในการสัญจร 1.3 เป็นชุมชนที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิต ต้องการแก้ปัญหาให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น การนำผักตบชวา วัชพืช มาแปรรูปใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างรายได้ให้เกิดกับชุมชน 1.4 เป็นชุมชนที่มีความพอเพียง มีความพอดีในการดำรงชีวิต สามารถบริหารจัดการในลำน้ำของตนเองได้ 1.5 เป็นชุมชนที่มีจิตอาสาเข้มแข็ง มีการรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่นในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในชุมชนของตนเอง สามารถดำเนินการในภารกิจต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.รูปแบบของการแก้ไขปัญหา จากข้อมูลที่ได้รับจากทั้ง 76 จังหวัด ได้มีการแบ่งแยกปัญหาออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 3.1 กลุ่มชุมชนที่มีปัญหาด้านผักตบชวา ซึ่งกีดขวางทางไหลของน้ำ น้ำเน่าเสีย สกปรก และตื้นเขิน จำนวน 21 แห่ง 3.2 กลุ่มชุมชนที่มีปัญหาวัชพืชและขยะตามลำน้ำ เป็นอุปสรรคในการสัญจร และน้ำเน่าเสีย ตื้นเขิน จำนวน 24 แห่ง 3.3 กลุ่มชุมชนที่มีปัญหาน้ำเน่าเสีย แหล่งน้ำตื้นเขิน มีขยะสะสม เกิดการกัดเซาะ พังทลายของดิน การชะล้างสารเคมีผิวดิน จำนวน 31 แห่ง
นางพัชราภรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับขั้นตอนในการเตรียมการดำเนินการภายหลังจากนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะน้อมนำหลักการทรงงาน "ระเบิดจากข้างใน" ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางการดำเนินงาน โดยนายสุวพันธุ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทีมงานลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบทานข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน พร้อมทั้งสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชน และรับทราบข้อเสนอแนะความต้องการของประชาชน มาจัดทำแผนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อความสุขของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งรัฐบาลจะได้มีการแจ้งข่าวสารเพื่อสร้างการรับรู้ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี