14 มี.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การยกเว้นคุณสมบัติต้องห้ามของกรรมการ ป.ป.ช.ในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. .... ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า แม้จะมีผู้แย้งมติศาลรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะบ้านเมืองใช้กฎหมายเป็นหลัก เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างไรจะต้องเป็นไปตามนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้งานของ ป.ป.ช.เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น จะมีการปรับการทำงาน โดยพยายามแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานาน เพราะใน 1 ปี 3 เดือนมานี้ งานของ ป.ป.ช.ชะลอมานาน เนื่องจากต้องรอกฎหมายฉบับใหม่ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ในระหว่างนี้ ป.ป.ช.ได้เตรียมทำอนุบัญญัติประมาณ 40 อนุบัญญัติ เพื่อบังคับใช้ในวันที่กฎหมาย ป.ป.ช.มีผลบังคับใช้ พร้อมกับปรับโครงสร้างให้ทันวันที่ 1 ต.ค.61 หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะมีระเบียบวิธีไต่สวนใหม่ และกรอบระยะเวลาในการทำงานตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้กำหนดไว้ 2 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎหมายใหม่จะทำให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตดีขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า แน่ใจว่าจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะทั้งกรอบระยะเวลาและกระบวนการทำงานจะมีความชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังได้วางองคาพยพ และปรับย้ายคนที่เหมาะสมกับงานไว้รองรับแล้ว การทำงานเราจะใช้ทั้ง ป.ป.ช.จังหวัด ภาค ส่วนกลาง จะปรับภารกิจให้ตรงตามเป้าหมาย และในวันที่ 26 มี.ค.จะเชิญผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด มาชี้แจงผลการปฏิบัติงานในรอบ 6 เดือน พร้อมเสนอและวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ไปว่า คงต้องเหนื่อยไปอีก 2 - 3 ปี เพื่อทำให้องค์กรมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น
เมื่อถามว่า เตรียมรับมือกับกรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.หลายคนลาออก เพราะกดดันที่ต้องทำคดีให้ทันตามกรอบเวลาอย่างไร พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่คนเราอยากสบาย แต่เท่าที่รับฟังทุกคนต่างมีความมุ่งมั่น แต่วันนี้การทำงานของ ป.ป.ช.มีความเปลี่ยนแปลงจากที่ผ่านมา กรรมการ ป.ป.ช.ทำงานหนักมาก เพิ่มวันประชุมจาก 2 เป็น 3 วัน เดินทางลงพื้นที่เพื่อกลั่นกรองเรื่องต่างๆ ให้เร็วขึ้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่อยากเห็นองค์กรมีความกระฉับกระเฉง เป็นที่ยอมรับของประชาชน ดังนั้น จึงถึงเวลาที่เราจะต้องทุ่มเททำงานด้วยความผิดชอบ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อมีอำนาจบารมี
ด้าน นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า เมื่อได้ทราบผลดังกล่าวตนรู้สึกเบาใจ และจากนี้ต้องตั้งใจทำงานหนักมากขึ้นจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวล ทั้งนี้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตีความชัดเจนแล้วจะได้ไม่ต้องมีความขัดข้องใจกันอีกว่ากรรมการ ป.ป.ช.ทำงานไปโดยไม่มีอำนาจ หรือไม่มีคุณสมบัติ เมื่อศาลตีความแล้วถือว่าจบ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นข้อผูกพันทุกองค์กร จะได้ไม่มีประเด็นตามมาทีหลัง ทำงานไม่ต้องกังวลจะถูกฟ้องภายหลัง
เมื่อถามถึงกรณีมีเสียงวิจารณ์ว่า การวินิจฉัยดังกล่าวทำให้เกิดประเด็นการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเกิดขึ้น นายวิทยา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาข้อกฎหมายอย่างรอบคอบแล้ว และเป็นมติเอกฉันท์
เมื่อถามย้ำว่า มีเสียงสะท้อนว่าเรื่องดังกล่าวอาจนำไปสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญได้ นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเป็นการพิจารณาข้อกฎหมายที่เป็นที่สิ้นสุดแล้ว ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี