“มาร์ค”ชี้เลือกตั้งครั้งหน้าสู้กันเดือด ห่วงขบวนการใส่ร้ายผ่านโซเชียลมีเดียระบาดหนัก เตือน กกต. รีบวางกติกาควบคุม ลั่นพร้อมโละยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี “บิ๊กตู่” หากไม่สอดรับความเปลี่ยนแปลง
วันที่ 17 มีนาคม ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ผู้อบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ระดับกลาง (บสก.) รุ่นที่ 7 สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ได้จัดสัมนาสาธารณะหัวข้อ “พลังโซเชียลเปลี่ยนการเมืองไทยจริงหรือ?” โดยมีผู้ร่วมเสวนา อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายอธึกกิต แสวงสุข คอลัมนิสต์เจ้าของนามปากกา “ใบตองแห้ง” และ นายปราบ เลาหะโรจนพันธ์ ผู้ก่อตั้งโครงการ Rethink thailand
โดยระหว่าการเสวนา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวค่อนข้างเชื่อว่า พลังโซเชียลสามารถเปลี่ยนการเมืองไทยได้จริง และมีบทบาทสำคัญทางการเมือง จะเห็นได้จากขณะนี้ในช่วงที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง พลังโซเชียลมีเดียสร้างกระแสทางการเมืองได้อย่างชัดเจน และเป็นตัวกำหนดกระแสข่าวแทนสื่อหลัก สามารถจุดประเด็นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ง่ายกว่าในอดีต ดังนั้นโซเชียลจึงเป็นคุณมหาศาล โดยเฉพาะหากสังคมใช้กลไกนี้ในการตรวจสอบหรือระดมพลังต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าโซเชียลมีเดีย จะกลายเป็นสมรภูมิในการระดมกำลังและการต่อสู้ทางการเมืองและการรณรงค์หาเสียง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า 2562 นี้แล้ว แต่ยังไม่เห็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พูดถึงการควบคุมการใส่ร้ายป้ายสีผ่านโซเชียลมีเดีย จึงเกิดคำถามว่าหากมีคนที่อาจไม่ใช่ผู้สมัครเลือกตั้ง มีการรับเงินเพื่อสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน และใส่ร้ายกล่าวหาใครผ่านโซเชียลมีเดียจะผิดกฎหมายการเลือกตั้งหรือไม่ ถือเป็นอันตรายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้าน นายปริญญา กล่าวว่า โซเชียลมีเดียทำให้ประชาธิปไตยของไทยไปสู่การเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม พรรคการเมืองจะถูกลดความสำคัญลง ประชาธิปไตยยุคใหม่จะกลับมาสู่ประชาชนโดยตรง ไม่มีเพศ หรือชนชาติ และการชุมนุมทางการเมืองในอนาคตก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยเช่นกัน
ด้าน นายปราบ กล่าวว่า หากคนรุ่นเก่ายังไม่สามารถหาวิธีการให้ประเทศไทยออกจากวงจรปัญหาเดิมๆ ได้ก็ขอให้วางมือ เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาแก้ปัญหา ขณะเดียวกันมีคำถามว่าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงในปี 2562 และประชาชนใช้พลังโซเชียลมีเดียรวมตัวกันเพื่อผลักดันนโยบายบางอย่าง แต่หากขัดหรือไม่ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลวางไว้แล้วจะทำอย่างไร
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวแย้งว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากเป็นตนก็จะเข้าไปแก้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หากไม่สอดรับความเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการเสวนา ยังมีการปะทะคารมกันอย่างดุเดือดระหว่าง นายอภิสิทธิ กับ นายอธึกกิต ภายหลังจาก นายอธึกกิต พยายยามกล่าวให้ นายอภิสิทธิ์ ยอมรับผิดกรณีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการ หรือ “ซัตดาวน์ กทม.” รวมถึงการขัดขวางการเลือกตั้งของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เพื่อประท้วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเหมือนกับการปิดสนามเพราะแพ้ โดยขณะนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมกับ กปปส. ด้วย และกลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดการยึดอำนาจของทหารในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ นายอธึกกิต ยังระบุว่า จะไม่เลิกใช้คำว่า “สลิ่ม” เพราะเป็นปัญหาว่าใครเอาประชาธิปไตย ไม่เอาประชาธิปไตย และทั้งหมดมาจากความเป็นสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศออกจากความขัดแย้งไม่ได้ เหมือนกับการแข่งขันฟุตบอลถ้ากรรมการเป็นกลางก็ไม่มีปัญหา
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่บอกว่ามาปิดสนามเพราะแพ้ ขอให้กลับไปดูการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 และ 2554 ถามว่ามีปัญหาหรือไม่ โดยในครั้งล่าสุดที่พรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้ง หลังการนับคะแนนเสร็จ ตนก็ยังเป็นผู้ออกมายอมรับความพ่ายแพ้ จนต่อมาแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องประสบปัญหาหนักอย่างน้ำท่วมในปี 2554 และกรณีรับจำนำข้าว แต่ก็ยังสามารถอยู่ได้ จนกระทั่งเกิดปัญหาเรื่องนิรโทษกรรมขึ้นมา
“ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความพยายามนิรโทษกรรม ทั้งยังกล่าวหาผมเป็นฆาตกร จะดำเนินคดีผม จะประหารชีวิตผม จะมานิรโทษกรรมให้ผม คนที่ออกกฎหมายตรงนั้นจะไม่เอาผิด เพียงแต่จะล้างความผิด นี่แหละปัญหา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- 'มาร์ค'ยกปม'นาฬิกา–เสือดำ'เปลี่ยนการเมือง ชี้พลังโซเซียลฯเวทีหาเสียงหลัก
- 'มาร์ค-คอลัมนิสต์ดัง'ฟัดกันเดือด ลากไส้ 'นิรโทษ' ต้นตอรัฐประหาร-ชัตดาวน์กทม.
- 'ปริญญา'ชี้3จุดเสื่อมรัฐบาล 'น้องเมย-นาฬิกาหรู-เลื่อนโรดแมป'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี