นายกฯงงหนักถูกโบ้ยให้รับผิดชอบยื่นตีความร่างกม.สส. โยนกลับเป็นเรื่องของสนช. ขณะที่”หมอเจตน์”ระบุส่งร่างให้แล้วถือว่าหมดหน้าที่ ยันไม่ใช่โยนเผือกร้อนแต่เชื่อไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ส่วน”มีชัย”พูดชัดเกิดอะไรขึ้นนายกฯ-สนช.ต้องร่วมกันรับผิดชอบ พร้อมวิเคราะห์3แนวทางคำวินิจฉัยศาลรธน.
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้รัฐบาลเสนอศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หลังจากที่ สนช.ยื่นตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ไปแล้วว่าเป็นขั้นตอนทางกฎหมายสามารถกระทำได้ เพราะมีศาลรัฐธรรมนูญอยู่ ไม่อย่างนั้นศาลฯ ไม่มีงานทำ ซึ่งตราบใดที่ยังมีข้อห่วงใยข้อกังวลก็ต้องให้ศาลตอบให้ชัดเจน
บอกงง!โยนมาให้รัฐบาลรับผิดชอบ
"เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง ผมเองก็ระมัดระวังอยู่แล้วไม่ให้เกิดผลกระทบต่อโรดแมป ผมก็งง พออย่างนี้ มาบอกว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบในภาพรวม พอเขาเห็นชอบร่วมกันมาก็บอกรัฐบาลไปก้าวล่วง โดยใช้อำนาจสั่งให้ทำ ให้ผ่าน ซึ่งเรื่องแบบนี้มีทั้งสองทาง” นายกฯ กล่าว
โบ้ยเป็นเรื่องสนช.ยื่นให้ตีความ
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะส่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นเรื่องของ สนช.เพราะกฎหมายนี้ยังไม่ได้ส่งกลับมาที่ตนเลย อย่ามาโยนให้รัฐบาล ในเมื่อท่านยังมีปัญหากันอยู่ก็ต้องแก้ที่ท่าน ถ้ามันไม่จำเป็น ตนจะส่งทำไม ในเมื่อมอบหมายความรับผิดชอบไปแล้วก็ให้ไปทำกันตรงโน้น ไม่เช่นนั้นจะเสียหายกว่าที่จะได้อะไรกลับมา ในเมื่อวันนี้ สนช.ยังเห็นไม่ตรงกัน
เห็นด้วยยื่นร่างกม.สว.ให้ศาลชี้ขาด
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องที่สนช.เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบไม่ตรงกัน แต่เกิดจากความเป็นห่วงเพราะมีเสียงทักท้วงจากตรงนั้นตรงนี้ เช่น นักการเมือง และอื่นๆ จึงเกิดความไม่มั่นใจ ดังนั้น ก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนตัดสินเพื่อจะไม่เกิดความเสียหายในวันหน้า ไม่เช่นนั้น เมื่อเลือก ส.ว.มาแล้วมีปัญหาฟาวล์ทั้งหมดจะทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบเมื่อถึงตอนนั้น
ฉบับสส.ไม่น่าจะขัดรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า แสดงว่าสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฉบับ ส่งตีความใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ เห็น สนช.ส่งฉบับเดียวไม่ใช่หรือ เมื่อถามย้ำว่า ควรส่งทั้ง 2 ฉบับหรือไม่เพื่อกันปัญหาในอนาคต นายกฯ กล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่มีหรอก ฉบับส.ส.ไม่น่าจะมีปัญหา”
ชิ่งหมด!กฤษฎีกาบอกแล้วแต่บิ๊กตู่
นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีสนช.ส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถ้าจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องขอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือไม่ว่า สุดแล้วแต่นายกฯ เพราะไม่มีอะไรบังคับ และตนตอบไม่ได้ว่าถ้ามีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาเท่าไร เพราะขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ
โยนกลับคืนไปเถียงกันที่สนช.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะสมาชิก สนช.ติดใจประเด็นในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เหมือนที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ท้วงติงมาหรือไม่ นายดิสทัต กล่าวว่า เรื่องให้ยื่นตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.มันจบไปแล้ว ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มีการพูดถึง ดังนั้น ขอให้ไปพูดในวง สนช.ดีกว่า ต้องพูดที่นั่น เพราะความเห็นหลากหลายมาจากที่นั่น
สนช.ประกาศลั่นหมดหน้าที่แล้ว
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ สนช.ได้ส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไปให้นายกรัฐมนตรีแล้ว ถือว่าหมดหน้าที่ สนช.แล้ว หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของนายกฯจะพิจารณาดำเนินการอย่างไรต่อไป คงให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายช่วยพิจารณาด้วย เชื่อว่านายกฯ คงไม่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ยันไม่ได้โยนเผือกร้อนใส่นายกฯ
ทั้งนี้ สนช.ไม่ได้โยนเผือกร้อนให้นายกฯ ตัดสิน เพราะยืนยันมาตลอดว่าร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หากภายหลังจากที่กฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หรือภายหลังการเลือกตั้งเสร็จแล้ว มีผู้ไปยื่นให้ตีความ ถือเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีต่อการเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครไปยื่นให้ตีความ
มั่นใจศาลไม่ตีความตรงกันข้าม
“ไม่เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตรงข้ามกับที่ สนช.เชื่อมั่น อีกทั้งหากจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยภายหลังนั้น จะต้องยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินเท่านั้น ไม่สามารถไปยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน” นพ.เจตน์ กล่าว
ผบ.ทบ.ยืนยันเลือกตั้งกุมภาฯปี62
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสารท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุม คสช.ถึงกรณี สนช.ยื่นตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า การตีความของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะใช้ระยะเวลาหนึ่ง แต่ในกรอบรวมกฎหมาย ส.ว.จะไม่มีผลกระทบการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามเดิม เลือกตั้ง ก.พ.62 ส่วนอาจจะยืด หรือหดเวลาบ้างก็ถือว่าเล็กน้อย ก็เป็นเรื่องอื่นๆ ไม่ใช่ประเด็นหลัก
ดูมาแล้วร่างกม.ลูกไม่ขัดรธน.
“สนช.ส่วนใหญ่ไม่ได้กังวล ทุกคนคิดว่าประเด็นนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะกฎหมายผ่านความเห็นชอบเรียบร้อย แต่เมื่อท้วงติงเพื่อให้คลายข้อสงสัย จึงยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ขณะเดียวกันผมคิดว่ากฎหมายทั้งสองฉบับไม่มีปัญหาอะไร เพราะผมได้พิจารณาเห็นชอบกฎหมายทั้งสองฉบับ” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
ไม่กังวลมีคนยื่นตีความภายหลัง
เมื่อถามต่อว่า มีความกังวลหรือไม่ ว่าจะมีคนมายื่นให้ตีความกฎหมาย ส.ส.ภายหลัง และกระทบการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ผมไม่ได้กังวล และเชื่อว่ากฎหมายจะผ่านไปได้ อีกทั้ง กมธ.ชี้แจงไม่ได้มีข้อสงสัยอะไร
เมื่อถามย้ำว่า หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมาย ส.ส.ภายหลังจะกระทบความเชื่อมั่นที่มีต่อ คสช.หรือไม่ เลขาธิการ คสช.กล่าวว่า บทสรุปในตอนนี้ คือยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ กฎหมาย ส.ว.
มีชัยชี้นายกฯ-สนช.ต้องรับผิดชอบ
ด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันว่า การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญในขณะนี้ เป็นอำนาจของ สนช.ซึ่ง กรธ.ไม่ได้บอกให้ สนช.ต้องยื่นตีความ เพียงแต่ส่งข้อห่วงใยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ดังนั้น หากในอนาคตเกิดปัญหาจากการไม่ยื่นตีความร่างกฎหมายใดก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นอำนาจของ สนช.และนายกรัฐมนตรี ดังนั้น กรธ.คงส่งข้อห่วงใยนี้ไปยังรัฐบาลอีก
ยื่นตีความหลังเลือกตั้งไม่น่ากระทบ
อย่างไรก็ตาม นายมีชัย เห็นว่า ในส่วนของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หากมีการยื่นตีความหลังเลือกตั้ง เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งทั้งหมด เนื่องจากในกรณีที่ตัดสิทธิคนไม่ไปใช้สิทธิ ในการสมัครเป็นข้าราชการการเมือง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น หากศาลชี้ว่าขัด ก็คืนสิทธิให้ไป และในเรื่องกลไกการช่วยเหลือผู้พิการลงคะแนน หากศาลชี้ ก็น่าจะมีเพียงบางหน่วยที่มีการช่วยคนพิการลงคะแนน ก็จะมีผลเฉพาะหน่วยนั้น ไม่น่าจะทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนไป เว้นแต่มีผู้ไปลงคะแนนแทนคนพิการจำนวนมาก ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น
วิเคราะห์3แนวทางคำวินิจฉัย
นายมีชัย กล่าวว่า สำหรับกรณีการยื่นตีความร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าว ตนมอง 3 แนวทาง คือ แนวทางแรก ถ้าวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าออกเช่นนี้ก็ถือว่าได้ข้อยุติ และนำร่างส่งให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ทันที แนวทางที่สองถ้าวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญแต่ข้อความนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ ก็จะตัดเฉพาะข้อความนั้นออก แต่กฎหมายทั้งฉบับก็ยังใช้ได้โดยนายกรัฐมนตรีสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป และเมื่อใช้เป็นกฎหมาย แล้วไม่สอดคล้องในทางปฏิบัติ ก็สามารถปรับแก้ให้สอดคล้องกันได้
เชื่อถ้าตีตกใช้เวลาร่างใหม่ไม่นาน
นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนแนวทางที่ 3 หากศาลวินิจฉัยว่า เนื้อหาที่ส่งตีความขัดกับรัฐธรรมนูญ และเป็นสาระสำคัญ จะทำให้ร่างกฎหมายฉบับนั้นตกไปทั้งฉบับ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ก็จะต้องนำกลับมายกร่างใหม่ กรธ.ก็จะทราบว่า ประเด็นใดเป็นปัญหา จึงเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานในการยกร่าง ทั้งนี้ การจะเป็นสาระสำคัญหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า หากไม่มีส่วนนี้แล้ว กฎหมายนั้นจะยังสามารถบังคับใช้ได้หรือไม่ เช่น หากไม่มีบทเฉพาะกาล แล้วบทหลักยังใช้ได้ ก็จะยังสามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี