ความคืบหน้ากรณีคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในส่วนค่าก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ค่าควบคุมงานก่อสร้าง และค่าที่ปรึกษา รวมวงเงิน 512.20 ล้านบาท แต่ให้ตีกลับงบประมาณในส่วนเทคโนโลยีและสารสนเทศ วงเงิน 8,135 ล้านบาท เนื่องจากมีรายละเอียดไม่ชัดเจนและมีอุปกรณ์บางอย่างราคาสูงเกินควรนั้น
แหล่งข่าวระดับสูงในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เปิดเผยว่า วงเงิน 512.50 ล้านบาทที่ ครม. อนุมัติมาเป็นเพียงงบสำหรับบริษัทควบคุมงานและผู้รับเหมาเท่านั้น ส่วนงานระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ระบบรักษาความปลอดภัย และระบบไอที ไม่ได้รับการอนุมัติเพราะอยู่ในวงเงินตีกลับ 8,135 ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่ได้รับงบประมาณที่ขอไป การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่อาจสะดุด และล่าช้ากว่าแผนกำหนดเดิม
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สภาผู้แทนราษฎร ประสานกับทางสำนักงบประมาณ อยู่ตลอดเวลา แต่สังคมไปติดยึดเรื่องเงินไอทีทั้งหมดว่าจำนวนเงินสูงกว่า 8 พันล้านบาท ถ้ารัฐสภาชี้แจงอะไรไป พูดอะไรไปสังคมก็จับตาดูว่าจะมีการโกงกินทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ดี ซึ่งระบบสาธารณูปโภคภายในอาคารทั้งหมด ระบบการสื่อสาร ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด อาคารมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ถ้าไม่ได้งบจะทำให้การก่อสร้างมีสะดุดแน่นอน
ทั้งนี้ เนื่องจากเส้นตายที่ประธาน สนช.กำหนดไว้คือภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จะต้องมีการย้ายที่ทำการทั้งหมด ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ และทางผู้รับเหมาตกลงแล้วว่า ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จะเร่งก่อสร้างห้องประชุม ส.ว.ให้แล้วเสร็จก่อน เป็นอันดับแรก ส่วนห้องประชุม ส.ส.หรือที่จะใช้ประชุมร่วม จะไปแล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2562
“ผู้รับเหมาได้บอกว่า ถ้าเงินไม่มา ก็ต้องก่อสร้างตามจำนวนเงินที่มีอยู่ ก็อาจจะได้อาคารออกมาแบบพิกลพิการ ส่วนราคาไมโครโฟนในห้องประชุมที่ราคาเป็นแสนบาท เพราะเป็นไมโครโฟนที่มีระบบแสดงตน มีระบบหลายๆ อย่าง ที่ใช้ในห้องประชุมสภา ในการลงมติกดปุ่มเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ก็พยายามปรับลดราคาลง นอกจากนี้ยังมีระบบ สารสนเทศสำหรับเจ้าหน้าที่ (Data Center) ซึ่งต้องใช้เงินมาก ทางสำนักงบประมาณกำลังดูอยู่” แหล่งข่าวระบุ
ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาแถลงกรณีดังกล่าวว่า ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องและบริษัทออกแบบมาประชุมหารือในวันที่ 18 พ.ค.นี้ จากนั้นจะแถลงข่าวให้สื่อมวลชนรับทราบโดยจะให้บริษัทที่ออกแบบร่วมชี้แจงต่อสื่อมวลชนด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตราคาไมโครโฟนสูงถึงตัวละ 1.2 แสนบาท และนาฬิกาเรือนละ 7 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าสูงเกินเหตุ นายสรศักดิ์ ตอบว่า เรื่องนี้ถือเป็นการมองต่างมุม ฝ่ายบริษัทออกแบบอาจจะมองว่ามีความจำเป็น แต่อีกฝ่ายมองว่า น่าจะใช้ของที่มีราคาถูกกว่านี้ได้ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นจะต้องมีการปรับลดงบประมาณลงมาอย่างแน่นอน ขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่มีโกง ไม่มีทุจริต ทุกอย่างมีความถูกต้อง โปร่งใส และต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี