ระวังโดนไล่!
‘บัญญัติ’สะกิด‘บิ๊กตู่-คสช.’
เร่งเดินสู่ประชาธิปไตย
ใช้อำนาจผิดปชช.ลุกฮือ
นายกฯยันศก.ดีต่อเนื่อง
“บัญญัติ บรรทัดฐาน” นักการเมืองรุ่นเก๋า ค่ายประชาธิปัตย์ ยกอดีตเตือนใจ พร้อมสะกิด “บิ๊กตู่-คสช.” เร่งเดินหน้าเข้าสู่ประชาธิปไตย หากใช้อำนาจบิดเบือนระวังถูกประชาชนไล่ ด้านนายกฯประยุทธ์ โวเศรษฐกิจไทยดีต่อเนื่อง ไม่ติดลบเหมือนก่อนปี’57
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ปาฐกถา หัวข้อ”วิสัยทัศน์ของ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ในมุมมองของคุณบัญญัติ บรรทัดฐาน”ในงานรำลึกศาสตราจารย์ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ได้กล่าวช่วงหนึ่งว่าสมัยการเลือกตั้งในสมัย ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นหัวหน้า ปชป. ประสบความสำเร็จได้รับเลือกตั้งมากที่สุดและมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่มากมาย คล้ายๆเวลานี้ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความทุลักทุเลและมีการต่อรองมาก เพราะม.ร.ว.เสนีย์ไม่ยอมดูดเลย หากมีการต่อรองมากก็จะไม่เอาเพราะมองว่าหากเอาคนเหล่านี้มาร่วม รัฐบาลก็จะดูมัวซัว
ชู’เสนีย์’นักประชาธิปไตย
“เพราะความซื่อสัตย์ สุจริตจะได้รับการหัวเราะจากประชาชนโดยเฉพาะสมคบกับคนโกง คนซื้อสิทธิ ขายเสียง ม.ร.ว.เสนีย์ จึงยึดหลักรักษาศรัทธาของประชาชนถือเป็นวิสัยทัศน์ทางการเมืองที่อยากย้ำกับทุกคนขณะเดียวกันในสมัยนั้น บรรยากาศการเมืองก็มีความสับสนอลเวง มีการต่อต้านจากกลุ่มกระบวนการต่างๆอย่างรุนแรงมาก แต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ย้ำว่าการเป็นรัฐบาล สิ่งสำคัญอย่าปล่อยให้คนไทยฆ่ากันเอง คิดว่า ม.ร.ว.เสนีย์ เป็น นักประชาธิปไตย ที่ยึดในหลักการนี้มาโดยตลอดซึ่งมองว่าสังคมทุกวันนี้ ผู้นำไม่จำเป็นต้องถึงขนาด ตายเพื่อชาติ หรือ เสียสละชีวิต เพียง แต่ควรทำในสิ่งที่ควรทำ อะไร ที่เป็นข้อครหานินทา หรือดูไม่ดี ก็อย่าทำ สังคมไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ดี”อดีตหัวหน้าพรรคปชป.ย้ำ
เตือนใช้อำนาจผิดถูกปชช.โค่น
นายบัญญัติ ยังกล่าวว่า วิสัยทัศน์ของ ม.ร.ว.เสนีย์ มองการปกครองบ้านเมือง 3 วิธี คือ อำนาจ อามิสและอุดมการณ์ ซึ่งการเมืองที่มาด้วยอำนาจ ก็จะถูกโค่นล้มไปด้วยอำนาจ ส่วนอามิสใช้ไป ก็ย่อมมีวันหมด จึงมีอุดมการณ์เท่านั้น ที่ยั่งยืน
“การเมืองที่มาด้วยอำนาจ และถูกล้มด้วยอำนาจ ผมเห็นปรากฏการณ์แบบนี้6-7ครั้ง ซึ่งการล้มอำนาจด้วยอำนาจนั่นเป็นเพราะใช้อำนาจทำลายตัวเอง มีอำนาจมาก ก็ใช้มาก คลั่งอำนาจ สุดท้ายเมื่อสังคมรู้ทัน ก็จะแพ้ภัยตัวเองไปไม่รอดเพราะประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า อำนาจประชาชนล้มไปหลายคณะแล้ว ดังนั้น ต้องยึดอุดมการณ์ตามระบอบประชาธิปไตยและอุดมคติบนความเท่าเทียมตามกระบวนการประชาธิปไตย ไม่ใช่เออเอง แล้วทำทุกอย่างให้เบ็ดเสร็จ”นายบัญญัติ ย้ำ
รปช.กระทบฐานปชป.บ้าง
นายบัญญัติ ในฐานะกรรมการสภาที่ปรึกษา ปชป.กล่าว ยอมรับว่าการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ที่นายสุเทพ ให้การสนับสนุนมีผลกระทบต่อฐานเสียง ปชป.ในภาคภาคใต้อยู่บ้าง แต่ปชป.ก็เคยชินกับเรื่องนี้แล้ว เพราะทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงการเมือง ก็จะมีการแย่งคะแนนเสียงจึงไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร
ส่วนที่มีการมองว่าพรรคเกิดใหม่ จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปนั้น ส่วนตัวมองว่าในช่วงแรก ก็เห็นมีท่าทีที่ชัดเจน แต่ช่วงหลังพูดเรื่องนี้น้อยลง อาจจะหนักอกหนักใจแทนพล.อ.ประยุทธ์โดยเฉพาะในช่วงหลัง หลายสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำอาจไม่เข้าตามากขึ้น แต่ยังพอมีเวลาดูต่อ
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562หรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่าหากไม่เลือกตั้งคราวนี้ จะลำบาก เพราะเลื่อนเลือกตั้งมา 3-4 ครั้งแล้วและยังไปป่าวร้องกับต่างประเทศ เมื่อไม่เป็นไปตามนั้น ก็เสียรังวัดมามากแล้ว ถ้าเลื่อนอีก ก็ไปกันใหญ่ หากมีการเลื่อนออกไปอีกนิดหน่อย ก็ต้องมีเหตุผล ต้องพูดให้ชัดเจนว่าการเลือกตั้ง จะเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนที่มีกลุ่มคนออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ก็ไม่ควรไปตำหนิ ขณะเดียวกัน แม้กระบวนการทางกฎหมายมีอุปสรรคจนอาจกระทบต่อการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลมีคำสั่ง คสช.มาตรา44 อยู่ในมือ จึงควรยืนยันด้วยว่า หากมีปัญหาทางเทคนิคทางกฎหมาย ก็พร้อมใช้ มาตรา 44 จัดการเลือกตั้ง เชื่อว่าสังคมจะรับได้และการเมืองจะนิ่ง” นายบัญญัติ กล่าว
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้า ปชป.เผยว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ปชป.ส่งผู้สมัคร สส.ครบทั้ง 350 เขตแน่นอน
นายกฯชี้โครงสร้างพื้นฐานดีระยะยาว
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯหัวหน้าคสช.กล่าวถึงผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยIMDประจำปี2561ซึ่งประเทศไทยมีอันดับลดลงจากอันดับที่27เมื่อปีที่แล้วเป็นอันดับที่30ในปีนี้ว่าสาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการใช้นโยบายงบประมาณขาดดุลของรัฐบาล เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทำให้กระทบต่อปัจจัยการประเมินด้านประสิทธิภาพของภาครัฐ เชื่อว่าเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวการลงทุนนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของประเทศ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
ในขณะประสิทธิภาพของรัฐเรื่องอื่นๆที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากเช่นการแก้ไขกฎระเบียบและปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐให้มีความสะดวกต่อการดำเนินธุรกิจ การปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อัตราภาษีการบริโภค การสร้างแรงจูงใจในการลงทุนฯลฯ ส่วนปัจจัยการประเมินอีก3ด้านคือด้านโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะสาธารณูปโภคพื้นฐานและโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการลงทุนของรัฐบาล มีอันดับดีขึ้น และด้านสภาวะเศรษฐกิจ กับด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจนั้น มีอันดับคงเดิม
สวนศก.ไทยดีต่อเนื่อง/ไม่ติดลบ
ทั้งนี้ แม้ว่าอันดับโดยรวมของไทยจะลดลง เป็นทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในอาเซียนแต่คะแนนดิบที่ได้รับคือ79.450ยังคงสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของโลกที่76.61และอยู่ในอันดับที่ 3 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และมาเลเซียเช่นเดียวกับปีที่แล้ว รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านอื่นๆเช่นด้านสังคม การศึกษา และสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมให้อันดับของไทยดีขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่นักการเมืองบางคนวิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีไม่มีพื้นฐานการศึกษาด้านเศรษฐกิจและ 4ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศ ยังโตไม่มากนัก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่องว่ารัฐบาลนี้ทำงานเป็นทีมและมีทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีผลงานที่ชัดเจนทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นเรื่อยๆจากที่ดิ่งต่ำสุดและติดลบในช่วงก่อนปี2557ขึ้นมาเกือบ5%และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกจึงอยากเตือนว่า ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ เพราะสุดท้ายจะกลับเข้าตัวเอง
’เมียกี้’ลุ้นคดีแจ้งบัญชีเท็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยาของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช.และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ กรณีมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติกว่า 42.8ล้านบาทและส่งสำนวนให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแล้วนั้น
ล่าสุด มีรายงานข่าวจาก สำนักงาน ป.ป.ช.ว่านอกเหนือจากคดีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นร่ำรวยผิดปกติจำนวน 42.8 ล้านบาทแล้ว ทางป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ปกปิดทรัพย์สินและหนี้สินอีกคดีหนึ่งด้วย โดยที่ผ่านมาทำควบคู่กันไปทั้งเรื่องรวยผิดปกติและเรื่องปกปิดทรัพย์สินและหนี้สิน ขณะนี้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อวินิจฉัยในเร็วๆนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี