มติสนช.ผ่านรวด3ฉบับ กม.ยาเสพติด เปิดทางกัญชา-กระท่อม กรณีศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ให้อำนาจป.ป.ส.กำหนดพื้นที่ ผู้พิพากษาตัดสินคดีแบบใหม่ ไม่ใช่หลักการนับเม็ดลงโทษ
สนช.ผ่านฉลุยวาระ 1 ร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ ให้ป.ป.ส.ประกาศกำหนดพื้นที่ให้สามารถผลิต เสพหรือครอบครองยาเสพติดบางชนิดเพื่อศึกษาวิจัย พร้อมให้อำนาจผู้พิพากษาตัดสินคดีกรณีผู้เสพหรือผู้ครอบครองว่าเป็นความผิดขั้นร้ายแรงหรือไม่ แทนการนับเม็ดยาลงโทษเหมือนแต่ก่อน หวังลดปัญหาคนล้นคุก และไม่กำหนดให้กัญชา-กระท่อมเป็นยาเสพติดประเภท 5 เปิดทางนำไปใช้ทางการแพทย์
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด ฉบับที่.... พ.ศ. รวม 3 ฉบับ
โดยพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ร่างฎหมายดังกล่าวจะเป็นการรวบรวมกฏหมายที่เกี่ยวข้องข้องกับยาเสพติดทั้งหมดมาไว้ในฉบับเดียวอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการอนุญาตเพื่อให้การควบคุมและการใช้ยาเสพติดในทางการแพทย์ ทางวิทยาศาสตร์ และทางอุตสาหกรรม เน้นการป้องกันการแพร่กระจายยาเสพติด การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับเนื้อหาสาระของร่างกฎหมาย พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กำหนดให้จัดทำนโยบายระดับชาติว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปรับปรุงส่วนประกอบหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ให้มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด เพื่อรับผิดชอบกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการอนุญาตและการควบคุมยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์และสารระเหย
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ส.มีอำนาจประกาศกำหนดพื้นที่ให้สามารถผลิต เสพหรือครอบครองยาเสพติดบางชนิดเพื่อศึกษาวิจัย หรือลดอันตรายจากยาเสพติดได้ ให้คณะกรรมการป.ป.ส.มีอำนาจออกประกาศ กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในสถานประกอบการ และกำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้มาตรการดังกล่าว
นอกจากนี้ยังให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอำนาจประกาศกำหนดยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ที่สามารถเสพเพื่อการรักษาโรค เพื่อการศึกษาวิจัยได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป.ป.ส.มีอำนาจประกาศให้ท้องที่ใดเสพใบกระท่อมได้ตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยไม่เป็นความผิด ปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินในกรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี หรือถึงแก่ความตาย เป็นต้น
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กำหนดให้มีคณะกรรมการบำบัดรักษา ฟื้นฟูยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดเป้าหมายและนโยบายเกี่ยวกับการบำบัดรักษา และฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้เสพยาเสพติด รวมถึงมีอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในส่วนที่เกี่ยวข้อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกรณีผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา กำหนดหน้าที่และอำนาจของเจ้าพนักงานป.ป.ส. และพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจในการดูแลผู้เสพ
นอกจากนี้ยังกำหนด ให้มีศูนย์คัดกรองเพื่อทำหน้าที่คัดกรองประเมินความรุนแรงของยาเสพติด การส่งต่อผู้เข้ารับการบำบัดรักษา ไปยังสถานบำบัดรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษคดียาเสพติดให้มีความเหมาะสมในสัดส่วนของความร้ายแรงของการกระทำผิด และสอดคล้องต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้โทษทางอาญาเฉพาะกรณีที่มีความผิดร้ายแรง ปรับปรุงการบังคับโทษปรับ ที่ผู้ต้องโทษปรับไม่ชำระค่าปรับ ให้เป็นไปตามคดีที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา
นายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวว่า รัฐบาลเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง แต่อยากให้แยกเรื่องกัญชาออกมาดำเนินการก่อน เพราะได้ศึกษาในระดับหนึ่งแล้ว
ขณะที่พล.ต.ท.สานิตย์ มหถาวร สนช. กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ที่กระทำผิดยาเสพติดไม่ได้เกรงกลัวการติดคุก เพราะแม้ติดคุกยังมีเงินให้ครอบครัวได้อยู่ดีมีสุข จึงอยากให้มีมาตรการยึดทรัพย์ที่รวดเร็ว โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินคดี
จากนั้นที่ประชุมมีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ..... และร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ด้วยคะแนนเสียง 194 ต่อ0 งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง และตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 28 คนพิจารณาแปรญัตติภายใน 15 วัน กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 90 วัน และรับหลักการแห่งร่างพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด(ฉบับที่..) พ.ศ. ...ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 190 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง แปรญัตติภายใน 15 วัน มีระยะเวลาการดำเนินงาน 90 วันเช่นกัน
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ร่างกฎหมายนี้มีสาระที่เปลี่ยนไปคือให้อำนาจผู้พิพากษาตัดสินคดีกรณีผู้เสพหรือผู้ครอบครองว่า เป็นความผิดขั้นร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงแทนการนับเม็ดยาเหมือนในอดีต ที่หากมีปริมาณครอบครองเกินกำหนดจะกลายเป็นผู้ค้าทันที โดยที่อาจจะเป็นเพียงผู้เสพ เชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกมีปริมาณลดลง
อีกทั้งยังไม่กำหนดให้กัญชาและกระท่อมเป็นยาเสพติดประเภท 5 ไว้ในพ.ร.บ.โดยจะให้ออกเป็นกฎกระทรวงแทนเพื่อสะดวกในการปรับแก้กรณีที่นำกระท่อมและกัญชามาใช้ทางการแพทย์ ซึ่งมีผลวิจัยของต่างประเทศ อาทิ แคนาดา ที่ปลูกกัญชาส่งออกใช้ทางการแพทย์ แต่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป.ป.ส.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี