วันนี้ (19 มิถุนายน 2561) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
กฎหมาย
1. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป และให้ กห. รับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
เป็นการกำหนดให้ยกเลิกอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารของนายทหารสัญญาบัตรยศจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ หรือพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ที่ครองอัตราจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ รับเงินเดือนระดับ น.9 เป็นกำหนดให้นายทหารสัญญาบัตรยศพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก อัตราเงินเดือนพลเอกพิเศษ พลเรือเอกพิเศษ พลอากาศเอกพิเศษ ให้ได้รับเงินเดือนระดับ น.9 เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับโครงสร้างและการบริหารจัดการกำลังพลของ กห. แทน
2. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ สคก. เสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว รวม 2 ฉบับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
การแบ่งส่วนราชการเดิม
1. กองกลาง (คงเดิม)
2.กองการต่างประเทศ (คงเดิม)
3.กองออกแบบและก่อสร้าง (คงเดิม)
4. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (คงเดิม)
การแบ่งสวนราชการใหม่
5. กองการเจ้าหน้าที่ กองบริหารทรัพยากรบุคคล (เปลี่ยนชื่อ)
6. กองคลัง กองบริหารการคลัง(เปลี่ยนชื่อ)
7. สำนักกฎหมาย กองกฎหมาย (เปลี่ยนชื่อ)
8. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน (เปลี่ยนชื่อ)
9. สำนักพัฒนาบุคลากรกระทรวงยุติธรรม สถาบันพัฒนาบุคลากรกระทรวงยุติธรรม (เปลี่ยนชื่อ)
กองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม (ตั้งใหม่)
2. ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2545 ดังนี้
การแบ่งส่วนราชการเดิม
ราชการบริหารส่วนกลาง ดังนี้
1. สำนักงานเลขานุการกรม (คงเดิม)
2. กองบริการทางการแพทย์ (คงเดิม)
3. ทัณฑสถาน ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (คงเดิม)
4. เรือนจำกลาง ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (คงเดิม)
5. เรือนจำพิเศษ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (คงเดิม)
6. สถานกักกัน ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (คงเดิม)
7. สถานกักขัง ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (คงเดิม)
8. สถาบันพัฒนาข้าราชการราชทัณฑ์ (คงเดิม)
การแบ่งสวนราชการใหม่
9. สำนักพัฒนาพฤตินิสัย กองพัฒนาพฤตินิสัย (เปลี่ยนชื่อ)
10. กองการเจ้าหน้าที่ กองบริหารทรัพยากรบุคคล (เปลี่ยนชื่อ)
11. กองคลัง กองบริหารการคลัง (เปลี่ยนชื่อ)
12. กองนิติการ กองกฎหมาย (เปลี่ยนชื่อ)
13. กองแผนงาน กองยุทธศาสตร์และแผนงาน (เปลี่ยนชื่อ)
14. สำนักทัณฑปฏิบัติ กองทัณฑปฏิบัติ (เปลี่ยนชื่อ)
15. สำนักทัณฑวิทยา กองทันฑวิทยา (เปลี่ยนชื่อ) กองมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์(ตั้งใหม่)
ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ดังนี้
1. เรือนจำจังหวัด ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (คงเดิม)
2. เรือนจำอำเภอ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (คงเดิม)
3. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอรวมธุรกิจ การขอวินิจฉัยล่วงหน้า และการขอคัดหรือรับรองสำเนาเอกสาร พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอรวมธุรกิจ การขอวินิจฉัยล่วงหน้า และการขอคัดหรือรับรองสำเนาเอกสาร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
เป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอรวมธุรกิจ การขอให้วินิจฉัยล่วงหน้า และการขอคัด หรือรับรองสำเนาเอกสาร สรุปได้ดังนี้
รายการตามร่างกฎกระทรวง
1.คำขออนุญาตรวมธุรกิจตามมาตรา 51 วรรคสอง
รายการและอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติฯ
การขออนุญาตรวมธุรกิจตามมาตรา 51 วรรคสองครั้งละ 250,000 บาท
อัตราค่าธรรมเนียมตามร่างกฎกระทรวงฯ
ครั้งละ 250,000 บาท (เท่ากัน)
2. คำขอให้วินิจฉัยล่วงหน้าตาม มาตรา 59 (ก) การกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดตามมาตรา 50 (ข) การประกอบธุรกิจที่มีลักษณะ ตามมาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 57 หรือมาตรา 58
รายการและอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติฯ
การขอให้วินิจฉัยล่วงหน้าตามมาตรา 59ครั้งละ 50,000 บาท
อัตราค่าธรรมเนียมตามร่างกฎกระทรวงฯ
ครั้งละ 50,000 บาท (เท่ากัน)
3. การขอคัดหรือรับรองสำเนาเอกสาร (ก) คำสั่งตามมาตรา 52 (ข) คำวินิจฉัยตามมาตรา 59 (ค) คำสั่งตามมาตรา 60
รายการและอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติฯ
ค่าคัดหรือรับรองสำเนาคำสั่งมาตรา 52 คำวินิจฉัยตามมาตรา 59 หรือคำสั่งตามมาตรา 60
หน้าละ 100 บาท
อัตราค่าธรรมเนียมตามร่างกฎกระทรวงฯ
หน้าละ 100 บาท (เท่ากัน)
4. เรื่อง ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ….
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี
กำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการของ รง. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
5. เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ ในส่วนค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ ในส่วนค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ เป็นการปรับปรุงเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทของห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters หรือ IHQ) จากเดิมซึ่งเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับรายได้ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ เป็น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ เฉพาะค่าสิทธิที่เกิดจากผลการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่กระทำขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าการวิจัยและพัฒนานั้นจะกระทำโดย IHQ หรือโดยการจ้างผู้อื่น
เศรษฐกิจ- สังคม
6. เรื่อง การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิต
ปี 2560/2561
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2560/2561 เป็น 2 ราคา ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ
1. กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2560/2561 ในเขตคำนวณราคาอ้อย 1 2 3 4 6 7 และ 9 ในอัตรา 880 บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 52.80 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตันและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2560/2561 เท่ากับ 377.14 บาทต่อตันอ้อย
2. กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2560/2561 ในเขตคำนวณ ราคาอ้อย 5 ในอัตรา 830 บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 49.80 บาทต่อ1 หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2560/2561 เท่ากับ 355.71 บาทต่อตันอ้อย
สาระสำคัญของเรื่อง
อก. รายงานว่า
การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2560/2561 เป็นการดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (เรื่อง การจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระค่าอ้อย และค่าผลิตน้ำตาลทรายและอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน) พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นการประมาณการราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นต้องไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของประมาณการรายได้ เพื่อให้โรงงานน้ำตาลชำระเงินค่าอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยไปก่อนเพื่อให้ชาวไร่อ้อยนำไปใช้หมุนเวียนในการประกอบธุรกิจและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ตลอดจนแรงงานและภาคเศรษฐกิจในชนบท ซึ่งยังไม่ใช่ราคาอ้อย และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายฤดูการผลิตปี 2560/2561 ที่ชาวไร่อ้อยและโรงงานจะได้รับจริง ทั้งนี้ การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ราคาอ้อย ขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายต่ำกว่าราคาขั้นต้น โดยให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีโอกาสได้รับราคาอ้อยขั้นต้นที่ระดับสูงสุดตามราคาที่ประมาณการได้ โดยยึดประโยชน์ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นสำคัญซึ่งจะบรรเทาผลกระทบรุนแรงที่อาจจะเกิดต่อเกษตรกร ซึ่งมีปัจจัยจากรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลทรายทั้งภายในและส่งออกที่ได้ประมาณการไว้ตามประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดังกล่าว
ต่างประเทศ
7. เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้ ทส. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
สาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกความร่วมมือทางวิชาการในสาขาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบของแต่ละประเทศบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน
ขอบเขตของความร่วมมือ ประกอบด้วยสาขาความร่วมมือต่าง ๆ ได้แก่ 1. การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน 2. นโยบายและแผนด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3. การป้องกันและควบคุมมลพิษ อาทิ มลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำและดิน รวมถึงการจัดการสารเคมีและของเสียอันตราย 4. การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 5. การป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6. การจัดองค์กรและการพัฒนาบุคลากร ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกต่อสังคมและชุมชน 7. ข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม และ 8. สาขาอื่น ๆ ที่สนใจร่วมกัน
รูปแบบความร่วมมือ ประกอบด้วย 1. การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีในด้านต่าง ๆ อาทิ การศึกษาค้นคว้าการวิจัยในสาขาความร่วมมือที่หลากหลายภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ 2. การแลกเปลี่ยนการวิจัย สารสนเทศ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับกฎหมายและกฎระเบียบของทั้งสองราชอาณาจักร 3. การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมใด ๆ 4. การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้แทนของผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่าย 5. การจัดสัมมนา การประชุม การประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมทั้งการจัดหาหลักสูตรการฝึกอบรม แผนการวิจัยและการศึกษาดูงาน และ 6. การพัฒนาและการปฏิบัติตามแผนงาน และโครงการที่เห็นชอบร่วมกัน
8. เรื่อง ขออนุมัติความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 2 และเห็นชอบในหลักการต่อการรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 3
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 2 [มีการจัดประชุมไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 ณ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ] ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศให้ สมช. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และจากนั้นให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
2. เห็นชอบในหลักการต่อการรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 3 ณ ราชอาณาจักรไทย (จะมีการจัดประชุมภายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ณ กรุงเทพมหานคร) โดย สมช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 2 ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบหรือมีมติอนุมัติไปแล้ว ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ในกรณีการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 3 ณ ประเทศไทย โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดการประชุมดังกล่าว หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อการดำเนินงานดังกล่าวแล้วก่อให้เกิดภาระงบประมาณหรือภาระการคลังและจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในอนาคต ซึ่งเข้าข่ายตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจะต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
สาระสำคัญของเรื่อง
ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ครั้งที่ 2 เป็นเอกสารแสดงเจตจำนงในการกำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคตร่วมกันของประเทศสมาชิกในกลุ่ม BIMSTEC เช่น การจัดเตรียมแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลของประเทศสมาชิก การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอวกาศระหว่างประเทศสมาชิก การจัดตั้งสภาวิทยาศาสตร์เทือกเขาหิมาลัย ภายใต้กรอบ BIMSTEC เพื่อศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศวิทยาบริเวณเทือกเขาหิมาลัย เป็นต้น
9. เรื่อง ขอความเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยอมตะ (Amata University) จัดการศึกษาหลักสูตรของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันในประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยอมตะ (Amata University) จัดการศึกษาในหลักสูตร Master of Science (M.S.) in Engineering (Intelligent Manufacturing System) ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันในประเทศไทย ตามความในข้อ 4 แห่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 29/2560 เรื่องการส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
ศธ. รายงานว่า
1. มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University : NTU) เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไต้หวัน มีวิทยาเขตกลางตั้งอยู่ในนครไทเปและจัดว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในไต้หวันจากการรายงานของ QS University Rankings และติดอันดับ TOP 100 ของโลกทุกปี NTU ได้มีการจัดตั้งคณะและสาขาวิชา อาทิ คณะศิลปศาสตร์และกฎหมาย คณะวิทยาศาสตร์และการเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ นอกจากนี้ NTU ยังเป็นมหาวิทยาลัยลำดับหนึ่งจากการสอบแข่งขันของเด็กมัธยมปลายทั่วไต้หวันและมีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง เช่น ประธานาธิบดีของไต้หวันเกือบทุกคนจบจากมหาวิทยาลัย NTU ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเอื้อให้ NTU เป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับในสังคมไต้หวัน
2. มหาวิทยาลัยอมตะจะนำหลักสูตรของ NTU ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากไต้หวันเข้ามาดำเนินการจัดการศึกษาในประเทศไทย โดยสรุปรายละเอียดได้ ดังนี้
2.1 หลักสูตรที่จะเปิดสอน คือ Master of Science (M.S.) in Engineering (Intelligent Manufacturing System) ของ NTU เน้นทางด้านการใช้หุ่นยนต์ช่วยในสายการผลิตระบบอัตโนมัติ (Future of Automation) และยานยนต์แห่งอนาคต (Autonomous Vehicle)
2.2 วัตถุประสงค์ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ในพื้นที่ EEC และพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve)
2.3 แนวทางการจัดการเรียนการสอน ใช้มาตรฐานเดียวกับ NTU ที่ไต้หวัน เช่น สาขาวิชา คณาจารย์ การเข้าถึงข้อมูลทางวิจัย และชั่วโมงของอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นต้น จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษและจีน ใช้ระยะเวลาศึกษา 2 ปี
2.4 พื้นที่ดำเนินการ จะจัดตั้งในพื้นที่ของนิคมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี
10. เรื่อง ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 3
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 (Daft Joint Statement of the Third Ministerial Meeting of the Conference on Cooperation among East Asian Countries for Palestinian Development)
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ในวันที่ 27 มิถุนายน 2561 ณ กรุงเทพมหานคร
3. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้ กต. สามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
สาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ฯ ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1. พัฒนาการล่าสุดในปาเลสไตน์ 2. ข้อริเริ่มของ CEAPAD 3. มาตรการการปรับปรุงกลไกของ CEAPAD 4. การยกระดับการดำเนินงานของสำนักเลขานุการ CEAPAD 5. การสนับสนุน UNRWA 6. การดำเนินงานตามแผนงาน 3 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาปาเลสไตน์ 7. การเยือนปาเลสไตน์ร่วมกันของสมาชิก CEAPAD และ 8. แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประชุมของ CEAPAD
แต่งตั้ง
11. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
(สำนักนายกรัฐมนตรี)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอแต่งตั้ง นายวีระพันธ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนัก 10 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว(นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป
12. เรื่อง ขออนุมัติเลื่อนฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด เครือรัฐออสเตรเลีย เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด เครือรัฐออสเตรเลีย (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอเลื่อนฐานะ นางอะแมนดา-เจน ยานโนพูลอส (Mrs. Amanda-Jane Giannopoulos) กงสุลกิตติมศักดิ์ สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เครือรัฐออสเตรเลีย เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลียเครือรัฐออสเตรเลีย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐเซาท์ออสเตรเลีย และดินแดนนอร์ทเทิร์น เทร์ริทอรี สืบแทน นางโจแอน มูเรียล วอลตัน (Mrs. Joan Muriel Walton) ซึ่งถึงแก่กรรม
13. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้ง นายณัฐพล ขันธหิรัญ กงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ การแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ
14. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน แทน นายประภาศ คงเอียด ที่ขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
15. เรื่อง คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 145 /2561 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 145 /2561 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 324/2560 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 99/2561 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 26 เมษายน 2561 นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 11 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. 2550 จึงมีคำสั่งให้ปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 324/2560 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ดังต่อไปนี้
1. ในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็นข้อ 1.3.18
“1.3.18 คณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน”
2. ในส่วนของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็นข้อ 6.5.5
“6.5.5 รองประธานกรรมการในคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน”
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี