24 มิ.ย.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20-26 มิ.ย.ว่า เป็นการเปิดศักราชใหม่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมานั้นเราอาจจะมีความใกล้ชิดกันน้อยเกินไป โดยเฉพาะในช่องทางของรัฐบาลและการเมือง เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงความร่วมมือทางด้านเอกชน การค้า การลงทุนระหว่างกัน ซึ่งวันนี้รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะเดินหน้าตรงนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายในปัจจุบันและสถานการณ์โลก และเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากนัก จึงจำเป็นที่จะต้องหาพันธมิตรที่เรียกว่าหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
“ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นประเทศใด แต่ต้องดำเนินนโยบายให้สมดุลในทุกมิติกับทุกประเทศ และเราก็เห็นว่ากลุ่มในประเทศยุโรปมีศักยภาพสูง โดย 2 ประเทศแรกที่มาพบปะ คือ อังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งในการหารือกับประเทศอังกฤษก็ได้พูดถึงความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน 400 ปี และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการค้าการลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนของไทยในอีอีซีและพื้นที่ต่างๆรวมถึงมาตรการจูงใจ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ซึ่งมีหลายมิติ ไม่ใช่แค่การเมือง แต่จะต้องดูถึงความมั่นคงทางภูมิภาค ความร่วมมือระหว่างกันในด้านก่อการร้าย การศึกษา สาธารณสุข การพัฒนา โดยเฉพาะยิ่งถ้าหากมีความแตกต่างมากเราก็ยิ่งต้องการการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งเราก็ต้องการจากเขาเยอะในเรื่องของเทคโนโลยี นวัตกรรม หลายอย่างเราต้องใช้ประสบการณ์ของเขามาช่วย โดยสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังการพูดคุยไปแล้ว
เมื่อถามถึงท่าทีของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ท่านเป็นคนน่ารักนะ คำว่าน่ารักคือ ท่านมีความเข้าใจความเป็นไทย มีการเตรียมการพอสมควรที่จะเรียนรู้ว่าประเทศไทยเป็นอย่างไร ถึงไหนอย่างไร ส่วนเรื่องข้อจำกัดทางการเมืองท่านไม่ได้เป็นคนพูดก่อน แต่ผมเล่าให้ท่านฟังเอง ซึ่งท่านไม่ได้กดดันอะไรผม แต่ขอให้ดำเนินการตามโรดแม็พของเรา ก็ดีไม่มีอะไร"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ข่าวความคิดเห็นของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไทย ที่ออกมาระบุว่าการเดินทางมาของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้เพื่อพบปะหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อเปิดทางให้คสช.บริหารประเทศอีกสมัย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนจะพบกับใครได้นอกจากนักธุรกิจไทย
“ในฐานะที่จะต้องมาขับเคลื่อนให้ และพบกับข้าราชการไทยของกระทรวงการต่างประเทศ ผมไม่มีโอกาสที่จะพบคนอื่นเลย ไม่เคยนัดพบใครทั้งสิ้น ซึ่งในการทำงานตั้งแต่ผมเป็นผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่เคยนัดพบใคร มาทำงานเสร็จก็กลับบ้าน กลับไปทำงานที่ไทย ฉะนั้นอย่ามากังวลกับตน ถึงแม้จะอยากพบผมไม่ให้พบอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจ ผมมาทำหน้าที่ ไม่ได้มาพบเป็นการส่วนตัว”นายกฯกล่าว
เมื่อถามถึงความพร้อมในการพบหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนมีความพร้อม เพราะตนก็ได้เตรียมการและศึกษาข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศและจากเอกอัครราชทูตประจำฝรั่งเศส ส่วนการหารือกับนักธุรกิจไทยมีการหารือในทุกมิติ โดยได้มอบให้เอกชนและส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการ ว่าจะประสานงานกันได้อย่างไร ซึ่งในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ดี เนื่องจากฝรั่งเศสก็ชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มล่าสุด เชื่อว่าการพูดคุยจะเป็นไปด้วยดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี