13 ก.ค.61 นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวในงานเสวนา "โรดแมป : สิทธิมนุษยชนบนเส้นทางประชาธิปไตย" เนื่องในโอกาสครบ 17 ปีการก่อตั้ง กสม.ว่า รัฐธรรมนูญ (รธน.) ฉบับ 2540 เป็นจุดเริ่มต้นขององค์กร กสม.จากนั้น 2 - 3 ปีให้หลังที่กฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ กสม.จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน ในคำปรารภมีการระบุคำว่า "สิทธิมนุษยชน" ไว้ด้วย
ซึ่งสำหรับ กสม.ชุดที่ 3 หรือชุดปัจจุบันที่ตนเป็นประธานอยู่นั้น มีการปฏิรูปการตรวจสอบและการจัดทำรายงานให้รวดเร็ว ถูกต้องและครบถ้วนขึ้น โดยสรุปเรื่องร้องเรียนที่เข้ามายัง กสม.ไปได้ถึงร้อยละ 75 จากเดิมก่อนหน้านั้นที่ทำได้เพียงร้อยละ 10 แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่จนครบวาระตามกฎหมาย กสม.ฉบับเดิมที่ กสม.มีวาระ 6 ปี เพราะถูกให้พ้นสภาพไปก่อนทั้งคณะ หรือ "เซ็ทซีโร่" (Set Zero) เนื่องจากคุณสมบัติของ กสม.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตั้งไว้สูงกว่าเดิม โดยหากได้อยู่ต่อจนครบวาระ เชื่อว่าคงเหลือเรื่องที่ค้างเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 เท่านั้น
"การเซ็ทซีโร่อ้างว่าเราถูกลดสถานะจากเอเป็นบี ซึ่งเหตุผลข้อนี้ใช้อ้างไม่ได้เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ปรากฏในหลักการปารีส และข้อเท็จจริงมันก็ขัดกันด้วย การตรวจสอบข้อร้องเรียนเราก็เร็วขึ้นจนเป็นที่พอใจขององค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ถ้าจะจำกัดขอบเขตให้แคบลงมาคือเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก โดยเฉพาะที่อียู (EU - สหภาพยุโรป) เราก็ไปเยี่ยมมาแล้ว" นายวัส กล่าว
ปธ.กสม.ยังกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ในบททั่วไปกับบทเฉพาะกาลยังมีความขัดแย้งกันในประเด็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพราะในบททั่วไปให้มี ส.ว.จำนวน 200 คน แต่ในบทเฉพาะกาลกลับให้มี ส.ว.ถึง 250 คน และใน 250 คนนี้มีที่มาค่อนข้างผูกขาดโดยบางองค์กรซึ่งไม่ได้มาจากระบบหลักทั่วไป อีกทั้งยังให้มี ส.ว.โดยตำแหน่งถึง 6 คน เรื่องเหล่านี้ทำได้หรือไม่ แล้วจะขัดแย้งกับเส้นทางที่เราจะเดินไปสู่ประชาธิปไตยหรือเปล่า
"ผู้ร่างหรือผู้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 ไป ได้ตั้งความหวังว่าจะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ความบาดหมางของพลเมืองที่แบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย ในท้ายที่สุดถ้าลักษณะ เนื้อหาสาระ รวมถึงวิธีการทั้งหลายแหล่ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังเป็นอย่างที่ปรากฏอยู่ ผมก็เชื่อโดยความเห็นส่วนตัวว่ายากที่จะเกิดขึ้นได้ และท้ายที่สุดผู้มีอำนาจรัฐในปัจจุบัน ก็ยังเดินหน้าไปสู่การเป็นรัฐบาลต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง ทำให้เห็นได้ว่าความหวังที่ปัญหาจะยุติลงอย่างสันติ ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ในความเห็นส่วนตัวยังเลือนรางเต็มที่" นายวัส กล่าวย้ำ
ด้าน ศ.ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า - NIDA) กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐธรรมนูญ 2560 เริ่มต้นก็มีปัญหาแล้ว เพราะการตรากฎหมายต้องยึดหลักนิติธรรม คำถามคือแล้วการเลือกหรือไม่เลือกเซ็ทซีโร่องค์กรอิสระองค์กรใดเอาเหตุผลอะไรมาอธิบาย ซึ่งเรื่องนี้ในอนาคตจะกลายเป็นปัญหาทางการเมืองที่กระทบต่อประชาธิปไตย เพราะหากองค์กรที่ไม่ถูกเซ็ทซีโร่แล้วไปมีคำวินิจฉัยที่เอื้อต่อฝ่ายการเมือง ก็จะถูกมองได้ว่า 2 มาตรฐานหรือไม่ และจะถูกนำมาขยายผลในภายหลัง
"มันขัดกับหลักกฎหมายให้มีผลย้อนหลัง ในทางกฎหมายมหาชนกฎหมายมีผลย้อนหลังได้ แต่รัฐจะต้องอธิบายว่ามันมีประโยชน์สาธารณะที่สำคัญเหนือกว่าหลักคุ้มครองความสุจริต ก็คือ กสม. ถ้าเข้ามาโดยสุจริตจะต้องอยู่ในวาระได้ตามกฎหมายที่กำหนด นี่คือหลักสุจริต ถ้าท่านจะลบล้างเหล่านี้ทำได้ แต่ท่านต้องอธิบายว่ามันมีประโยชน์สาธารณะที่เหนือกว่าอย่างไร ถ้าไม่มีหลักนี้ ถ้าอธิบายไม่ได้ ท่านกำลังใช้อำเภอจิตอำเภอกาย ในการปฏิบัติต่อองค์กรที่มีสถานะเหมือนกันให้แตกต่างกัน" อาจารย์บรรเจิด ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี