ไม่มีปชป.ย้ายซบสามมิตร
‘มาร์ค’มั่นใจ
‘พุทธิพงษ์’ยังอยู่พรรคเดิม
ถ้าสส.ใต้ขยับมีคนอื่นแทน
ผบ.ทบ.พร้อมคุมเข้มรับลต.
นำชื่อว่าที่กกต.ทูลเกล้าฯแล้ว
ปชป.คึกคักแห่ร่วมอวยพร “อภิสิทธิ์” ครบ 54 ปี อยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า มีเลือกตั้งตามโรดแมป “เทพเทือก” ส่งดอกไม้อวยพร มั่นใจลูกพรรคไม่แห่ซบกลุ่ม“สามมิตร”ย้ำ“นคร”ใส่ร้ายพรรคฟ้องแน่นอน ผบ.ทบ.พร้อมหนุนเลือกตั้ง ปัดจับตากลุ่มใดเป็นพิเศษ ขณะที่ปธ.สนช.นำชื่อ’ว่าที่ประธาน.-5กกต.’ทูลเกล้าฯแล้ว
เมื่อวันที่ 3สิงหาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้มีบรรดาแกนนำพรรค กรรมการบริหารพรรค อดีต ส.ส. ส.ก.และส.ข.พร้อมสมาชิกพรรค นำโดย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นายมารุต บุนนาค อดีตรองหัวหน้าพรรค เดินทางมาอวยพรนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคฯ ในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 54 ปี บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการถ่ายรูปหมู่ร่วมกันด้วย ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อพรรครวมพลังประชาชาติไทยและอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เดินทางมาร่วมอวยพร แต่ส่งตัวแทนนำช่อดอกไม้มาร่วมอวยพรแทน ขณะพรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ น้องชายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา พร้อมนายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีต รมว.อุตสาหกรรม นำแจกันดอกไม้ร่วมอวยพรด้วย
มาร์คอยากให้ปท.ก้าวหน้า/มีลต.
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวขอบคุณเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีนี้ว่ามีทั้งผู้ที่สนิทสนม รู้จักนับถือ สนับสนุนกันมาส่งคำอวยพร ขอขอบคุณทุกคนในความปรารถนาดี ส่วนตัว ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เพราะคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ สิ่งที่ชอบ และมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขอยู่แล้ว ตอนนี้มีสิ่งเดียวที่อยากทำคืออยากลดน้ำหนัก
ในเรื่องของบ้านเมือง อยากให้ประเทศไทยมีโอกาสหลุดพ้นจากปัญหาต่างๆและมีความเจริญก้าวหน้า เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกคนก็ตั้งความหวังไว้ว่าในปีนี้และปีที่กำลังจะถึงนี้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่นำพาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้ หากมองตามโรดแมป คงจะมีการเลือกตั้ง เราหวังว่าประชาชนจะไปใช้สิทธิ์เลือก คนมาทำหน้าที่ในการทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้
ต่อมา เวลา 15.00 น.นายอภิสิทธิ์ เดินทางไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เพื่อทำบุญถวายสังฆทาน เนื่องในวันคล้ายวันเกิด และเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วิหารวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
ยันไม่มีอดีต ปชป.ซบ’สามมิตร’
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กลุ่มสามมิตร ระบุว่า นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ย้ายมาร่วมกลุ่มดังกล่าวแล้วว่า นายสุรสิทธิ์ ลาออกจากพรรคตั้งแต่ปี2554 จำไม่ได้ว่าลาออกไปอยู่พรรคใด และขณะนี้ยังไม่มีข่าวว่าจะมีอดีต สส.ของพรรคประชาธิปัตย์กี่คน ที่จะย้ายไปอยู่กับกลุ่มสามมิตร ส่วนกรณีแกนนำกลุ่มสามมิตรตั้งเป้าที่จะทาบทามอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 12-13 คนไปอยู่ด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าพอรับทราบความเคลื่อนไหวที่มีการมาทาบทามคนของเราโดยเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่า จุดยืน แนวคิดและอุดมการณ์ของแต่ละคนคืออะไร ทุกคนที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์พูดกันมาเสมอว่า การทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์ เป็นสิ่งที่มีความยั่งยืนที่สุด แต่ถ้าไปยึดติดอยู่กับผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ตำแหน่ง หรืออะไรก็ตาม มันไม่มีความยั่งยืน พรรคการเมืองต่างๆ ก็แข่งขันกัน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำงานของเราไป
มั่นใจลูกพรรคตกผลึกความคิด
ส่วนนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ที่มีข่าวจะย้ายไปกลุ่มสามมิตรนั้นนั้น จากที่เคยคุยก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดีโดย นายพุทธิพงษ์ รายงานให้ฟังว่า กำลังทำงานอะไรอยู่และยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกรณี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตสส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้บอกกับตนว่า จะเว้นวรรค ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสส.ครั้งนี้ ซึ่งตนยังมั่นใจว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ตกผลึกทางความคิดแล้ว
พร้อมส่งคนใหม่ลงแทน3จว.ใต้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีอดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้บางส่วนเตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.)นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่คิดว่าจะมีปัญหาในการหาคนมาลงสมัครแทนคนเหล่านั้น เรื่องการให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเป็นสิ่งที่เราตั้งใจให้มีพื้นที่แก่คนใหม่ๆ ได้เข้ามาสู่งานการเมือง และหน้าดีใจที่มีคนซึ่งไม่เคยอยู่ในการเมืองมาก่อนได้เข้ามาแสดงความจำนงที่จะเข้ามาทำงานกับเราค่อนข้างมาก เราจึงมั่นใจว่าจะได้คนใหม่ๆ และความคิดใหม่เข้ามา เราก็หวังว่า ประชาชนจะให้คำตอบในวันเลือกตั้ง
ไม่ห่วง’นคร’ใส่ร้าย ลั่นจะฟ้องแน่
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลกที่ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีพรรคประชาธิปัตย์โดยยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบกับพรรค จะชี้แจงด้วยข้อเท็จจริงจึงเชื่อว่าประชาชนจะแยกแยะได้ เพราะหากข้อความที่ระบุว่า”พวกเรา”หมายถึง”พรรคประชาธิปัตย์”ก็เป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งพรรคจะดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
“นายนคร ออกจากพรรค ตั้งแต่ปี2556ไปลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคชาติพัฒนาแล้ว ก็ลาออกก็เข้าใจว่ากำลังจะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย จึงเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นซึ่งการจะออกจากพรรคไป เป็นเรื่องปกติ แต่อย่ากล่าวเท็จ แต่ถ้าให้ข้อมูลเท็จทำให้ผู้อื่นเสียหายก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีอะไรต้องกังวล”หัวหน้าพรรคปชป.ย้ำ
กองทัพพร้อมหนุนการเลือกตั้ง
ด้านพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ในฐานะเลขานุการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังจากแต่งตั้งประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และคณะกรรมการกกต.ว่าขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนเตรียมการเลือกตั้ง เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย
“ในภาพรวมหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ในส่วนกองทัพจะมีหน้าที่สนับสนุน หากมีการร้องขอ ดังนั้น ถ้ามีความชัดเจนอะไรออกมา กองทัพ ก็พร้อมสนับสนุน ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มการเมืองเริ่มปรากฏขึ้น เท่าที่ดูก็ยังอยู่ในกรอบ ที่พอรับได้และไม่ละเมิดกฎหมายโดยตรงเราก็ขอความร่วมมือกัน” พล.อ.เฉลิมชัย ย้ำ
ผบ.ทบ.ปัดจับตากลุ่มใดเป็นพิเศษ
ส่วนการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตรและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.เฉลิมชัย รมว.ต่างประเทศได้ชี้แจงไปแล้วก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนที่เราร้องขอไป เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการ
เมื่อถามว่าได้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆหลังนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในวันที่ 4 ส.ค.ผบ.ทบ.กล่าวว่าคสช.ไม่ได้เพ่งเล็งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่บทบาทหน้าที่ของเรา ต้องพยายามประคับประคองสถานการณ์ความมั่นคง ให้อยู่ในความเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องไปจับตากลุ่มใด เป็นพิเศษ และเชื่อว่าทุกฝ่ายพยายามเดินไปในกรอบที่จะเกิดการเลือกตั้ง แต่ถ้ามีใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการเรียกใครมาพูดคุย กรณีมีการละเมิดกฎหมายและกติกา
นำชื่อว่าที่ปธ.-5กกต.ทูลเกล้าฯแล้ว
ด้าน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (3 ส.ค.) ได้นำรายชื่อว่าที่ประธานและว่าที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน ขึ้นทูลเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนความคืบหน้าการสรรหา กกต.อีก 2คนที่เหลือนั้น ล่าสุดนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานกรรมการสรรหา กกต. ได้เรียกประชุมนัดแรกใน 8 ส.ค.นี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหาจะประชุมกี่ครั้งเพื่อมีมติเลือกภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด ก่อนส่งให้ สนช. ตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต. พิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจึงจะส่งให้ที่ประชุม สนช.ลงมติโหวตเลือกต่อไป
สันติบาล1คุมเข้มสื่อทำข่าวนายกฯ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ที่มีเอกสารอ้างถึง กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1(บก.ส.1)ได้มีการออกข้อกำหนดมารยาทและระเบียบการปฏิบัติของสื่อมวลชนในการถ่ายภาพ และทำข่าวอย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษในการทำข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะไปเป็นประธานการประชุม’ไทยแลนด์โซเชียลเอ็กซ์โป 2018งที่ อิมเพค เมืองทองธานี โดยจัดทำใบลงทะเบียนช่างภาพสื่อมวลชน ให้ลงชื่อ สังกัด พร้อมเบอร์โทรศัพท์อย่างชัดเจน มีการจดเลขบัตรประชาชน13หลักด้วย
ทั้งนี้ก่อนที่ นายกฯจะเดินทางมาถึงบริเวณงาน เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอิมแพค เมืองทองธานี ได้ทำตามตรวจ(สกรีน)บุคคลที่จะเข้าร่วมงานอย่างละเอียดเข้มงวดโดยทุกคน
7ข้อมารยาท7ข้อปฎิบัติถ่ายภาพ
โดยข้อกำหนด ดังนี้ มารยาทในการถ่ายภาพของ ช่างภาพสื่อมวลชน 1.ต้องอยู่ในลักษณะเคารพต่อนายกรัฐมนตรี และแสดงความเคารพทั้งก่อนและหลังถ่ายภาพ 2. การแต่งกายที่สุภาพบุรุษชุดสูทสากล สุภาพสตรีชุดกระโปรง รองเท้าหุ้มส้น 3.กล้องที่จะนำมาบันทึกภาพต้องผ่านการตรวจและติดแท็กที่ได้รับอนุญาตจากตำรวจสันติบาล 4.จะอนุญาตให้เฉพาะช่างภาพที่ลงทะเบียนและติดต่อแผนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น 5.ไม่แสดงจริยาวาจาหรือมารยาทอันไม่สมควร 6.ในการถ่ายภาพควรอยู่ห่างจากนายกรัฐมนตรี 5เมตรเป็นอย่างน้อย 7.ไม่ควรเบียดเสียดกันถ่ายภาพหรือถ่ายภาพลักษณะยืนค้ำศีรษะผู้อื่นหรือยื่นกล้องถ่ายภาพในลักษณะถ่ายภาพข้ามท่าน
สำหรับ’ข้อควรปฎิบัติในการบันทึกภาพ’1.ต้องไม่ถ่ายภาพตรงหน้า ขณะที่นายกรัฐมนตรีอยู่ในห้องรับรอง 2.ห้ามถ่ายภาพขณะเดินขึ้นหรือลงจากที่สูงเช่นบันได ฯล 3.ห้ามถ่ายภาพขณะรับประทานอาหาร 4.ห้ามออกนอกสถานที่ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ วิ่งตัดหน้า วิ่งลุกลนหรือห้อมล้อมกีดขวางทางเดิน 5.ให้บันทึกได้ในจุดหรือสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ได้จัดไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม 6.การใช้ไฟฉายใช้ได้ในทุกโอกาส แต่การถ่ายไฟไม่ควรเกิน 1,500 วัตต์และควรอยู่ห่างจากห้องรับรอง 7.หากฝ่าฝืนมารยาทข้อควรปฏิบัติหรือไม่เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ จะถูกลิบปลอกแขนและห้ามบันทึกภาพ
ผบช.สันติบาล สั่งสอบคุมเข้มสื่อฯ
ด้าน พล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.)สั่งการให้ตรวจสอบแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็น อย่างไร มีการออกข้อปฏิบัติจริงหรือไม่ และออกอย่างถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้โดยปกติการทำงานของตำรวจสันติบาลและสื่อมวลชนก็ปฏิบัติร่วมกัน โดยเข้าใจมาโดยตลอด ข้อปฏิบัติใดๆก็พูดคุยประสานงานกันด้วยดี ไม่ได้มีข้อกำหนดอะไรเป็นพิเศษแบบนี้
“โดยปกติแล้วอำนาจหน้าที่ในการดูแลปฏิบัติร่วมกับสื่อมวลชนในภารกิจของนายกรัฐมนตรี เป็นอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจสันติบาล3 ไม่ใช่ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1(บก.ส.1)ดังนั้น การปรากฏเอกสารที่อ้างว่าเป็นข้อบังคับข้อปฏิบัติ จาก บก.ส.1 ก็เป็นเรื่องไม่ปกติ ส่วนตัวยังไม่เห็นเอกสารตัวจริง จึงยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ามีความผิดปกติอย่างไรบ้าง จริงหรือไม่ อยู่ระหว่างรอให้ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานชี้แจงขึ้นมา แล้วจะชี้แจงสื่อมวลชนอีกครั้ง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี