ชาวนาเฮ! กฤษฏาแก้หนี้สำเร็จ ธกส.ลดยอดหนี้50% หยุดดอกเบี้ยภายใน15 ปี
11 ส.ค.61 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยผลจากประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรตามคำสั่ง คสช. ว่า เตรียมเสนอครม.เห็นชอบแนวทางแก้ไขและปรับโครงสร้างหนี้สินให้แก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฯในลอตแรกกว่า 3.6 หมื่นราย ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่เป็นหนี้ค้างชำระธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) ตั้งแต่ปี 2543 ถึงปัจจุบันวงเงินประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่งเกษตรกรเหล่านี้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายกองทุนฯและเป็นหนี้ในระบบ โดยแนวทางมีการลดยอดหนี้เกษตรกรลง 50% และหยุดดอกเบี้ย ระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี ตามแนวทางแก้ไขหนี้สินเกษตรกร ตามที่ ครม.เคยมีมติไว้เมื่อปี2553 ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้
ทั้งนี้ ในส่วนเกษตรกรที่เหลือ ที่ประชุมชุดเฉพาะกิจฯมีมติให้ไปร่างกำหนดระเบียบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯใหม่ จากนั้นจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนภายใน 60 วัน จากตามปกติจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนทุกปี ตั้งแต่ ม.ค.ถึง มิ.ย. ซึ่งในปีนี้ยังไม่ได้เปิดขึ้นทะเบียน จึงมาเปิดให้ขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ จะมีการปลดล็อควงเงินที่กำหนดเพดานวงเงินหนี้สิน ที่ลงทะเบียนไว้กับกองทุนฯจะช่วยเหลือไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อราย เพื่อจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นหนี้สินอยู่แล้ว และอาจมาเจอปัญหาภัยพิบัติ ทำให้มีหนี้เพิ่มกว่าวงเงินที่กำหนด ซึ่งจะมีการพิจารณาเป็นรายๆไป หลังจากที่ขึ้นทะเบียนสมาชิกกองทุนฯแล้ว จะมาแยกประเภทหนี้ให้มีความชัดเจนทั้งหมดโดยเร็ว ขณะเดียวกันได้มีมติให้สำนักงานกองทุนฯไปร่างแนวทางการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรร่วมกับธนาคาร ธกส. และกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรลูกหนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลให้เกษตรกรมีโอกาสชำระหนี้ที่ผ่านมาปรับโครงสร้างหนี้ได้ตามสัญญาใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างบริเวณห้องโถงชั้น 1 ของกระทรวงเกษตรฯได้มีกลุ่มเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯเกือบ 100 คน นำโดยนางนิสา คุ้มกอง แกนนำเครือข่ายหนี้สินชาวนาภาคกลาง มาเฝ้ารอฟังมติคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้หนี้ฯ โดยนายสไกร พิมพ์บึง รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักกองทุนฟื้นฟูฯลงมาแจ้งมติทำให้กลุ่มเกษตรกรปรบมือส่งเสียงเฮลั่นอย่างดีใจขอบคุณนายกฤษฏา ที่ได้ช่วยแก้หนี้ให้ชาวนาสำเร็จ
นายสไกร กล่าวว่า นายกฤษฏา ได้สั่งการด่วนให้นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงฯเร่งแก้ระเบียบกองทุนและออกประกาศขึ้นเบียนสมาชิกเริ่มต้น15 ส.ค. นี้ให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนไว้ก่อนโดยไม่มีเพดานหนี้ รวมทั้งตั้งอนุกรรมการฯทำหน้าที่อุทธรณ์ ให้เกษตรกรสมาชิกที่เป็นหนี้ถูกฟ้องบังคับคดี ยึดทรัพย์กว่า3 พันราย จะสามารถดำเนินการแก้หนี้ได้ทั้งหมดซึ่งกองทุนเข้าไปซื้อหนี้มาบริหาร
“เรื่องเร่งด่วนให้สำนักกองทุนทุกจังหวัดเสนอตั้งกรรมการอุทธรณ์รับเรื่องในพื้นที่ วันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ รมว.เกษตรฯเจรจากับกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้ยอมรับเงื่อนไข เถียงแทนเกษตรกร ได้สำเร็จในหลายๆเรื่องทั้งให้แก้ระเบียบเพดานหนี้รายย่อย ผมดีใจแทนเกษตรกร ที่ท่านกฤษฏา ยืนหยัดทำในสิ่งรับปากไว้ และเรื่องหนี้ที่ใช้ตัวบุคคลค้ำประกัน ซึ่งในจัดการหนี้ กองทุนฯเปิดรับขึ้นทะเบียนหนี้สินเกษตรกรทั้งหมด รู้จำนวนยอดเกษตรกร เป็นหนี้เท่าไหร่ มาออกระเบียบจะแก้หนี้ประเภทไหน เป็นอำนาจกรรมการเฉพาะกิจชุดนี้” นายสไกร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลหนี้เกษตรกรเมื่อเดือนมีนาคม 2561 จากการคัดกรองตรวจสอบข้อมูลจากสถาบันเจ้าหนี้และข้อมูลทะเบียนหนี้เกษตรกรจาก 77 สาขาจังหวัดทั่วประเทศ จากการสำรวจข้อมูลหนี้ที่ผ่านมามีเกษตรกรมารายงานตัวจำนวน 290,657 ราย 524,720 สัญญา คิดเป็น 55.54 % ในส่วนกรณีหนี้เร่งด่วนทั้งหมดในชั้นดำเนินคดีขึ้นไป (หนี้ล้มละลาย/ขายทอดตลาด/บังคับคดี/มีคำพิพากษาหรือชั้นฟ้องคดี) จำนวน 7,930 ราย โดยเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายมารายงานตัวประมาณ17 % จำนวน 40,179 ราย74,331 สัญญา เมื่อรวมเกษตรกรที่มายืนยันตน 330,836ราย 599,051 สัญญา
นอกจากนี้โอกาสให้เกษตรกรมารายงานตัวได้อีก60 วัน จากเดิมมีข้อมูลการขึ้นทะเบียนหนี้ทั้งหมดตั้งแต่ พ.ศ.2546 จำนวน 512,889 ราย โดยได้นำเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบความซ้ำซ้อนและความมีอยู่จริงของเกษตรกรสมาชิกคงเหลืออยู่จำนวน 465,925 ราย 944,752 สัญญา มูลหนี้กว่า7-8 หมื่นล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี