21 ส.ค.61 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ไลฟ์สดชี้แจงถึงการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ตามข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการอนุมัติโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศและกรณีกล่าวหาร่วมกับพวกทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่ง
โดยนายสุเทพ ระบุว่า ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ว่า ครั้งแรกตนได้อนุมัติตามที่สตช.โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้นเสนอว่า เขาได้ไปตั้งคณะกรรมการ พิจารณาทางเลือก 4 ทาง คือ 1.ทำสัญญาโครงการเดียว สัญญาเดียว 2. แบ่งโครงการออกเป็น 9 โครงการ ทำสัญญาจ้าง 9 สัญญา 3.ให้กองบัญชาการตำรวจภาคไปจ้าง 4.ให้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้จ้าง และคณะกรรมการของสตช.บอกว่าวิธีที่ดีที่สุดน่าจะกระจายงานออกไปให้กับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค โดยแยกทำสัญญาเป็นภาคๆ ภาค 1-9
นายสุเทพ กล่าวว่า หลังจากตนพิจารณาตามข้อเสนอของสตช.ในขณะนั้น ดูมีเหตุผล ถ้ากระจายการจ้างออกไปทั้ง 9 ภาค น่าจะทำงานได้สะดวกรวดเร็วเป็นผลดีต่อสตช. เมื่อผบ.ตร.เสนอขอใช้วิธีนั้น ตนก็อนุมัติให้ความเห็นชอบให้ไปดำเนินการโดยการประมูลแยกสัญญาเป็น 9 สัญญา ซึ่งก็อนุมัติไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2552 ตรงนี้ตนย้ำกับคณะกรรมการป.ป.ช.ว่าวันที่ 9 มิ.ย. 2552 คือในวันที่ตนพิจารณาตัดสินใจตามข้อมูลของสตช.เห็นว่าข้อมูลอย่างนั้นเหตุผลอย่างนั้นเห็นชอบแล้ว
อดีตรองนายกฯกล่าวว่า เมื่อพล.ต.อ.พัชรสวาท พ้นจากตำแหน่งไป พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เข้ามารับหน้าที่ทำงานในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. ก็ทำเรื่องเสนอมาที่ตนใหม่ บอกว่าวิธีเดิมที่ตนอนุมัติไปนั่นใช้ไม่ได้จะต้องใช้วิธีใหม่ คือไม่สามารถแยกสัญญาเป็น 9 สัญญาได้ ต้องรวมเป็นสัญญาเดียวเนื่องจากในกฏหมายงบประมาณกำหนดให้ตั้งงบฯก้อนเดียวไม่สามารถแยกเป็นโครงการย่อยๆ9โครงการได้ ซึ่งประเด็นอยู่ตรงนี้ว่า ทำได้หรือทำไม่ได้ ผิดหรือไม่ผิดกฎหมายงบประมาณ
“วันที่ผมอนุมัติไปครั้งแรกว่า ให้ใช้วิธีจัดจ้างโดยแบ่งงานออกเป็น 9 งาน ทำสัญญาว่าจ้าง 9 สัญญา ในวันที่ 9 มิ.ย.2552 ซึ่งกฎหมายงบประมาณยังไม่ออก และเมื่อกฎหมายงบประมาณออกมาแล้ว และมีคนเสนอแนะ ผมก็ต้องทำตามกฎหมายงบประมาณ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนวิธีการจัดจ้าง จาก 9 ภาค 9 สัญญามาเป็นสัญญาดี จึงไม่มีอะไรที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือจะมากล่าวหาว่าผมปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ย่อมเป็นข้อกล่าวหาที่มีอคติ ไม่เป็นธรรม โดยไม่พิจารณาจากข้อเท็จจริงหรือความจริงที่เกิดขึ้น”นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ตนชี้แจงประเด็นนี้พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานต่างๆเหล่านี้ ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. คณะกรรมการฯชุดใหญ่ก็ยอมรับในประเด็นนี้ แต่ยังมีประเด็นอื่นๆที่ทางอนุกรรมการไต่สวนยกมาตั้งเป็นข้อกล่าวหาย่อยๆอีก 9 ประเด็น ตนก็ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการฯที่ละประเด็น แล้วเอาหลักฐานเอกสารทุกอย่างแสดงต่อคณะกรรมการ ฉะนั้นการชี้แจงของตนเมื่อวันที่ 20 ส.ค. จึงทำได้สมบูรณ์ครบถ้วน
“ผมอดทนมา 4 ปี ป.ป.ช.ออกข่าวมาทำให้ผมเสียหาย ผมก็ยังอดทน เพราะถือว่ายังอยู่ใน กระบวนการวินิจฉัย แต่การที่ป.ป.ช.แถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 ส.ค.61 ที่ผ่านมา บอกว่า นายสุเทพ กับพวก17คน ถูกกล่าวหาว่าทุจริต อย่างนี้เป็นเรื่องเสียหายยับเยินมาก กับงานส่วนร่วมของประชาชนที่กำลังทำสร้างพรรคการเมืองกันอยู่ก็เสียหาย เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม แล้วมาออกข่าวว่า 1 ในผู้ร่วมก่อตั้งคือนายสุเทพ เป็นคนทุจริต อย่างนี้ทำให้พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้รับผลกระทบกระเทือน”นายสุเทพ กล่าว
นอกจากนี้นายสุเทพ ยังอ้างว่า กรณีดังกล่าวเป็นกระบวนการกันกล่าวหาตน ระหว่างพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังโจมตีตนไม่หยุด กับข้าราชการตำรวจบางคน และข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)บางคน ทำเป็นเรื่อง เป็นราว หวังผลทางการเมือง ตนได้บอกว่า เราอย่าใช้วิธีนี้ ไม่มีการโจมตีใครโดยพรรคนี้ แต่เราก็มีสิทธิที่จะป้องกันตัวเอง และปกป้องส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญของประชาชนที่ตนมีส่วนร่วมอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี