เขย่าดีเอสไอ! บิ๊กจินส่งสัญญาณโยกย้ายสับเก้าอี้อีก เพิ่มประสิทธิภาพ ปัดล้างขั้วตำรวจ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 7 ก.ย.61 ที่โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการนำคณะผู้บริหาร เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ ถึงกรณีเรื่องการโยกย้ายปรับปรุงโครงสร้างของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จะยังมีการปรับโยกย้ายเพิ่มอีกหรือไม่ ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษต้องทำหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการสอบสวนซึ่งต้องมีการวิเคราะห์ในแง่มุมของหลักการเหตุผล และแง่มุมของานที่มีความซับซ้อนหลายมิติ ซึ่งมีหลายเรื่องที่จะต้องลงพื้นที่ รวมทั้งประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการหาข้อมูล และต้องทำงานร่วมกับหลายส่วน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันดีเอสไอมีอยู่ประมาณ 30 คดี ซึ่งกำลังจะปรับให้เหลืออยู่ประมาณ 20 คดี ดังนั้นดีเอสไอ ต้องมีบุคลากรครบ มาจากหลายสายงาน ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำได้ครบถ้วนได้ดี แต่เนื่องจากการที่เราจะให้มีความครบถ้วนและหลากหลาย จะต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกัน เหตุผลที่ต้องมีการปรับโยกย้าย คือ 1.ต้องมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้ามาเสริม 2.คนที่อยู่ในหน้าที่การงานปัจจุบัน ต้องมีการเจริญเติบโตในสายงานขึ้นไป ซึ่งต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาส คนในดีเอสไอสามารถเติบโตขึ้นมาในหน่วยงานที่อยู่ในกระทรวงยุติธรรมได้ และมีอนาคตจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม หรือรองปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เช่นกัน ไม่ใช่จบแค่ดีเอสไอ
“ดีเอสไอไม่ใช่จุดสุดท้าย ที่จะจบตรงนั้น ทุกคนมีโอกาสที่จะเติบโตและขยับขยายเพื่อมาทำงานร่วมกัน ในลักษณะผู้บริหารงานที่สูงขึ้นในกระทรวงยุติธรรม และยืนยันว่าต้องการคนที่มีความเชี่ยวชาญครบถ้วนในทุกด้านสาขามาทำงานในดีเอสไอ เพื่อให้งานของดีเอสไอมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
ต่อข้อถามมีกระแสข่าวว่ากำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาเพื่อจะย้าย หรือล้วงระดับผอ.กองคดี ของดีเอสไอ โดยโยกออกมาและสลับเอาคนนอกหน่วยงานดีเอสไอเข้าไปแทนนั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้อธิบดีดีเอสไอเป็นผู้พิจารณา ว่าการทำงานของแต่ละกองและแต่ละแผนก รับผิดชอบอะไร และมีคนครบถ้วนแล้วหรือไม่ ถ้าครบถ้วนแล้วก็ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่หากไม่ครบถ้วนก็ต้องมีการสลับสับเปลี่ยน ยืนยันว่าไม่ได้เจาะจงลงไปว่าเป็นตำรวจแล้วต้องเอาออกไปจากดีเอสไอ ก็ไม่ใช่
เมื่อถามว่าพิจารณาสัดส่วนเป็นเท่าไรนั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า แต่ละแผนกไม่เท่ากัน การพิจารณานั้น ส่วนที่ 1 ขึ้นอยู่กับเนื้องานที่จะมีภารกิจและบทบาทที่แตกต่างกันออกไป และมีความจำเป็นคนในสายงานไหนซึ่งจะได้มีการเติมเต็มในส่วนดังกล่าว ส่วนที่ 2 ผู้บริหารในแต่ละสาย ต้องมีการขยับขึ้นไปตามลำดับ และส่วนผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านเทคนิค ก็ต้องขยับขึ้นเดินไปคู่กัน ทั้งนี้การทำงานของกระทรวงยุติธรรมไม่ได้มีเพียงดีเอสไอ แต่ต้องเกี่ยวข้องและทำงานบรูณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น
ต่อข้อถามว่าลักษณะการปรับโยกย้ายที่เกิดขึ้นในดีเอสไอเหมือนต้องการลดบทบาทและความสำคัญของดีเอสไอให้เล็กลงใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ถ้าเราจะมองให้ถ่องแท้ ประเทศไทยมีเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ในหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งกระทรวงพัฒนาสังคม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง ซึ่งรวมอยู่ในมิติของ กอ.รมน. ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าดีเอสไอเป็นหน่วยงานเดียว เราต้องทำงานกับทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกัน
“อย่าไปมองว่าดีเอสไอต้องรับผิดชอบงานทั้งหมด ตามความต้องการของพวกเรา เพราะว่าดีเอสไอก็มีขีดจำกัดในการรับภาระมา ซึ่งเมื่อมีโครงสร้างเช่นนี้ และมีคนที่อยู่ในหน่วยงานจะต้องมีสัดส่วนในด้านของเทคนิค นอกจากนี้ประกอบกับเหตุผลต้องมีผู้บริหารที่เหมาะสมและดูในภาพรวมที่ทุกคนต้องเติบโตก้าวหน้าขึ้นมาทำงานในภาพรวมให้กับกระทรวงยุติธรรมต่อไปได้” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
ด้านนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีคำสั่งให้นายมณฑล แก้วเก่า รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีดีเอสไอแทน และ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ ไปดำรงตำแหน่ง รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะมีส่งผลต่องานด้านการสืบสวนสอบสวนหรือไม่ ตนเห็นว่ากระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานที่มีความสามารถในด้านการสืบสวนมีด้วยกันหลายหน่วยงาน ไม่ใช่เฉพาะดีเอสไอ ซึ่งงานของกรมคุมประพฤติเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการสืบสวน สืบเสาะหาข้อเท็จจริงในการที่จะช่วยข้อมูลให้กับศาลในงานผู้ที่ถูกคุมประพฤติ ดังนั้นในแง่ของการทำเทคนิค การทำคดีอาญาในภาพของประชาชนนั้น คนของกรมคุมประพฤติสามารถที่จะทำงาน ในส่วนนี้ได้ ซึ่งความจริงนั้นยังมีคนมีอีกหลายหน่วยที่สามารถทำได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี