“วิษณุ”เผย 6 กม.ท้องถิ่นเข้าสนช.4 ต.ค.นี้ คาดเลือกตั้งพ.ค.หลังเลือกตั้งใหญ่ ย้ำรบ.เตรียมตั้งสนง.ป.ย.ป.ติดตามการทำงานทุกหน่วยให้เป็นไปตามแนวทางป.ย.ป.
20 ก.ย.61 ที่สโมสรทหารบก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนานักบริหารภาครัฐเพื่อบูรณาการการพัฒนาประเทศไทยตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น : จากแผนปฏิรูปสู่ภาคปฏิบัติแบบบูรณาการ”
โดยนายวิษณุ กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกฎหมายลูก 6 ฉบับเสร็จสิ้น และมีผลบังคับใช้ แต่วันนี้กฎหมายยังไม่เสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. คาดว่า จะสามารถเสนอได้ ในวันที่ 4 ตุลาคม ใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ3เดือน ก็จะเสร็จสิ้นราวเดือนธันวาคม จากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ใช้เวลาอีก 3 เดือน ก็จะเสร็จประมาณเดือนมีนาคม ดังนั้นหากการการเลือกตั้งใหญ่ มีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 การเลือกตั้งท้องถิ่นก็น่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม
นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกคนที่มาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงต้องเข้าใจคำ 3 คำคือ การปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างความสามัคคีปรองดอง เพราะ อดีตตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 รัฐธรรมนูญทุกฉบับเขียนเหมือนกัน คือ รัฐบาลมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน และที่ผ่านมาทุกรัฐบาล บริหารงานใน 3 แบบ คือ กำหนดนโยบาย ทำตามนโยบายที่กำหนดและบังคับการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดหน้าที่รัฐบาลเพิ่มอีก 3 เรื่อง คือ การปฏิรูปประเทศ ทำตามยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างความปรองดอง ซึ่งส่วนราชการทุกส่วนต้องนำไปปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่กำหนดยุทธศาสตร์ชาติในรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ 6 ด้าน คือ ความมั่นคง เศรษฐกิจ การพัฒนาคน การแก้ปัญหาความยากจนลดความเหลื่อมล้ำและขจัดความไม่เป็นธรรม คุณภาพชีวิตและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการภาครัฐ ส่วนการสร้างความปรองดอง ซึ่งถือเป็นเรื่องยากและไม่ใช่การจับคนมาถอดเสื้อสีเหลือง สีแดง แต่คือการสร้างความรับรู้และเข้าใจ
“หลักสูตร ป.ย.ป. ย่อมาจาก การปฏิรูป ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง มี 3 หลักสูตร คือ ป.ย.ป.1 ระดับปลัดกระทรวงและอธิบดี ป.ย.ป.2 คือ ระดับรองอธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วน ป.ย.ป. 3 คือ ระดับผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งกำลังจะเปิด เพื่อให้สิ่งที่รัฐบาลวางไว้เหล่านี้ถูกขับเคลื่อนและเดินหน้าไปได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีดำริไว้ โดยเฉพาะแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งประกาศใช้แล้วและต้องทำ เพราะหากไม่ทำถือเป็นความผิด ที่สำคัญ หน่วยงานราชการทุกหน่วย หากคิดจะทำอะไรแล้วไม่อยู่ในแผนปฏิรูป ก็จะไม่ได้รับงบประมาณในการดำเนินการ เช่นเดียวกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ที่หากไม่ทำตาม หรือ ดำเนินการนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ ก็จะมีความผิดและไม่ได้รับงบประมาณเช่นกัน พร้อมยืนยันไม่ใช่การวางแผนเพื่อให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ไป 20 ปี แต่วางไว้เป็นแนวทางไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาก็ให้เดินหน้าไปตามนี้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามช่วงเวลาและความเหมาะสมทุกแผน ไม่ว่าจะเป็น แผนปฏิรูปประเทศ แผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนสร้างความสามัคคีปรองดอง” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายวิษณุ เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ คือ สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความ สามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ติดตามการทำงานของหน่วยงานราชการที่ขับเคลื่อนแนวทาง ป.ย.ป. และรับผิดชอบการอบรม ป.ย.ป. ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตร การคัดเลือกคนเข้าอบรม เป็นต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำหนดว่า การอบรม ป.ย.ป.ต้องให้เรียนในระยะเวลาน้อย ไม่กี่วัน ไม่เน้นการจดบันทึก แต่ใช้วิธีแลกเปลี่ยนความเห็น ห้ามไปดูงานต่างประเทศ และไม่มีค่าเล่าเรียน ซึ่งสำนักงานฯนี้จะตั้งในไม่ช้า โดยหัวหน้าสำนักงาน จะเป็นซี 11 เทียบเท่าปลัดกระทรวง มีข้าราชการในหน่วยงานไม่เกิน 10 คน มีอายุงานประมาณ 5 ปี ทำหน้าที่ประสานงานกับ 5 หน่วยงาน หลักคือ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤฎีกา และหน่วยงานขับเคลื่อนงานของป.ย.ป. จะมาอยู่ภายในหน่วยงานนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี