โทษจำคุก'ทักษิณ ชินวัตร'
คดีที่ดินรัชดา
จะหมดอายุความ21ตค.61
‘เจิมศักดิ์’จี้คสช.นำตัวลงทัณฑ์
‘จ้อน’นัดเคลียร์มาร์คอังคารนี้
คุยกติกาการเลือกหัวหน้าพรรค
โพลล์เชียร์‘ประยุทธ์’นั่งนายก
“เจิมศักดิ์” จับตาคดีทุจริตที่ดินรัชดา จะหมดอายุความ 21 ตุลาคม 2561 เพราะครบกำหนด 10 ปี ถาม “คสช.” จะหามาตรการนำตัว “ทักษิณ” มาลงโทษได้อย่างไร ขณะที่ “จ้อน” นัดพบ “อภิสิทธิ์” เคลียร์
กติกาเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่อังคารนี้ ด้านโพลล์ยก “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ “แนวหน้า” ว่า หลังจาก
นายทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องโทษอาญา กรณีถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2ปี จากคดีที่ดินรัชดา บริเวณใกล้ศูนย์วัฒนธรรม จำนวน 33ไร่ 78ตารางวา ในราคาเพียง 772ล้านบาท ฐานทุจริตที่นายกฯมีส่วนได้เสียในการทำสัญญาซื้อขายที่ดินรัชดา โดยศาลฎีกาฯได้มีคำพิพากษาให้จำคุก นายทักษิณ เมื่อวันที่ 21ตุลาคม2551กำหนดโทษจำคุก 2ปีและนายทักษิณได้หนีการลงโทษไปอยู่ต่างประเทศตลอดมา ซึ่งอายุความที่จะต้องติดตามตัวมารับโทษตามคำพิพากษา กำลังจะหมดลงในวันที่ 21ตุลาคม2561 ส่งผลให้ นายทักษิณ จะรอดพ้นจากการจำคุก เพราะถือเป็นการขาดอายุความ 10ปี นับจากวันพิพากษาของศาลฎีกาฯ
ดร.เจิมศักดิ์ ขอตั้งคำถามว่า ผู้ที่เป็น’รัฎฐาธิปัตย์’ มา 2ครั้ง ในช่วง 12ปี ได้อำนาจรัฐแล้วปล่อยให้คนตระกูลชินวัตร 2คน ทั้ง นายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลบหนีลอยนวลอยู่ต่างประเทศ ย่ำยีเย้ยหยันระบบยุติธรรมของบ้านเมืองได้อย่างไร จนถึงขนาดว่าคดีทุจริตที่ดินรัชดา ที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21ตุลาคม2551 กำลังจะหมดอายุความลงในวันที่ 21 ตุลาคม2561 อธิบายให้สังคมกระจ่างได้หรือไม่
หม่อมเต่าพร้อมร่วมรัฐบาล
ที่อาคารทู แปซิฟิคเพลส สุขุมวิท ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงนโยบายพรรคว่า พรรคจะแถลงข่าวทุกวันอาทิตย์เวลา 13.00น.เพื่อให้ได้รับความคืบหน้าของพรรค รปช. เพราะขณะนี้พรรคการเมืองต่างๆเริ่มมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองการได้แล้ว
สำหรับพรรค รปช.ในอนาคตต่อให้ไม่ได้เป็นรัฐบาลเราก็จะเป็นตัวแทนประชาชนในสภาฯ และพร้อมที่จะคุยหรือทำงานร่วมกับรัฐบาลเพราะงานบริหารประเทศหากทำคนเดียวคงคิดไม่ออก แต่อย่างไรก็ดีเราจะพยายามเป็นรัฐบาล ถึงไม่ได้เป็นเราก็จะพยายามช่วยทุกฝ่าย ในการเลือกตั้งครั้งใหม่เราจะนำเสนอนโยบายพรรคให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ พรรค รปช.ยังเห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีมาก ทั้งระบบเลือกตั้งการเลือกส.ส. รวมถึงการทำไพรมารี่โหวต ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่ดีที่มีเจตนาให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
รับฟังเสียงของประชาชน
ด้านนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า เราจะต้องเอาปัญหาของประชาชนมากลั่นกรองเป็นนโยบายของพรรค ในทางปฏิบัติอาจจะมีปัญหาระหว่างการรับฟังปัญหาประชาชนกับการหาเสียง เราพยายามระมัดระวังพฤติกรรมของเราที่ออกไปรับฟังปัญหาประชาชน ถ้าใครจะตีความว่าเราหาเสียงก็อาจกว่าหากันได้ แต่ด้วยข้อเท็จจริงเราเคารพกฎหมาย เราไม่ได้ไปหาเสียง เพียงแต่ต้องการรับฟังปัญหาของประชาชน รวมถึงเรื่องการทำไพรมารี่โหวตเรายืนยันว่า เราจะทำไพรมารี่โหวตทำตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
เลขาธิการพรรคฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เราได้ออกแบบเอกสารใบแสดงเจตจำนงการเป็นสมาชิกพรรคให้กับประชาชนในพื้นที่ ถ้ามีเจตนาตรงกันที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคให้กรอกใบสมัครเข้ามาพร้อมหลักฐานบัตรประชาชน เปรียบเสมือนใบจองหุ้นแต่ยังไม่เป็นผู้ถือหุ้น เพราะการรับสมาชิกพรรคจะเป็นไปได้ต่อเมื่อนายทะเบียนพรรคตรวจสอบและกฎหมายได้รับรองการเป็นพรรคการเมืองของเราอย่างเป็นทางการแล้ว และเราก็จะเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้ามาสมัครเป็นส.ส. ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ โดยจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นจะต้องมาเข้าโรงเรียนการเมืองของพรรคเพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบทิศทางเดียวกันกับพรรค
“บุญจง”โวเนื้อหอมสุดๆ
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ออกจากพรรคภูมิใจไทยมานานแล้ว โดยขณะนี้มีหลายกลุ่มหลายพรรคเข้ามาติดต่อตน ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ (พปชร.)หรือ แม้แต่พรรคเพื่อไทย (พท.)ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะรอการตอบรับว่าจะสนับสนุนนโยบายสุขภาพครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศที่ตัวเองคิดขึ้นมาและหากพรรคใดให้การสนับสนุนออกเป็นนโยบายพรรคก็จะไปร่วมงาน แต่หากสุดท้ายไม่มีพรรคใดขานรับก็จะเว้นวรรคทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ไปก่อน
ทิ้ง’ภท.’ตั้งแต่’ปู’สั่งยุบสภา
ดีนจนายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงกรณีที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตรมช.มหาดไทย อดีตส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทยได้ประกาศกับชาวบ้าน จะไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เตรียมเปิดตัวปลายเดือนก.ย.นี้ว่า นายบุญจง ได้ออกจากพรรคภูมิใจไทยไปตั้งแต่ช่วงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ยุบสภาแล้ว ตอนเลือกตั้งส.ส.ในปี 2557 ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นการทิ้งพรรคภูมิใจไทยไปตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ชม”ปลื้ม”คลื่นลูกใหม่
นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีนายสุรบถ หลีกภัย หรือ ปลื้ม บุตรชาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. สมัครเข้าเป็นสมาชิก ปชป.ว่า เป็นสัญญานที่ดีของ ปชป.เปรียบเสมือนคลื่นลูกใหม่และเชื่อว่าจะมีคนรุ่นใหม่เข้ามามากขึ้นยิ่งถ้ามีการปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่องจริงจัง โดย ปชป.ต้องปฏิรูปโครงสร้างและการบริหารจัดการสร้างองค์กรให้ทันสมัยสู่ยุคดิจิทัลเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ในพรรคเช่นกรณีกลุ่มโมเมนตั้ม(Momentum)พลังคนรุ่นใหม่ของพรรคเลเบอร์อังกฤษ
นัดเคลียร์กับอภิสิทธิ์
นายอลงกรณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า วันอังคาร ที่25ก.ย.ช่วงเช้าได้นัดหมายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าปชป. เพื่อหารือเรื่องอนาคตพรรคและกติกาไพรมารีและช่วงบ่ายจะมีการประชุมกับแกนนำสมาชิกพรรคเกี่ยวกับกฎเหล็ก5ข้อและการเลือกหัวหน้าพรรค
“การหยั่งเสียงไพรมารีควรเปิดกว้างให้สมาชิกที่ลงทะเบียนก่อนและหลังเดือนเมษายน2561ซึ่งมีไม่น้อยกว่า2.9ล้านคนมีสิทธิ์ลงคะแนนแบบวันแมนวันโหวตโดยให้มีการดีเบต2ครั้งและถ้าผู้สมัครคนใดได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งให้ถือเป็นเด็ดขาดเพราะพรรคเป็นของสมาชิกทุกคนโดยที่ประชุมใหญ่พรรคทำหน้าที่รับรองหัวหน้าพรรคคนใหม่ไม่ใช่แค่บอกว่าให้คำนึงถึงผลการหยั่งเสียงไพรมารีเท่านั้นจะพิจารณาหรือไม่ก็ได้มิฉะนั้นไพรมารีที่ท่านหัวหน้าพรรคริเริ่มและเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับพรรคปชป.และทุกพรรคการเมืองจะกลายเป็นเพียงพิธีกรรมที่ไร้ความหมาย”นายอลงกรณ์ กล่าว
หมอวรงค์ เปิดตัว27กย.
ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ปชป. เปิดเผยว่า ตนและนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้า ปชป. จะร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวลงสมัครตำแหน่งหัวหน้าปชป. ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 13.00 น. ที่ลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ซึ่งเหตุผลที่ตนเลือกใช้สถานที่ดังกล่าวในการเปิดตัวนั้น เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครในจ.พิษณุโลก กล้าลงชิงตำแหน่งนี้มาก่อน นี่จึงเป็นครั้งแรกของชาวพิษณุโลก และที่นี่เป็นพื้นที่บ้านเกิดของตน
“ทีมงานของผมวิเคราะห์กันแล้วว่าถ้าใช้สถานที่นี้ จะทำให้ประชาชนมีอารมณ์ร่วมกันจนเกิดความรู้สึกเข้าใจในความพยายามของผมในครั้งนี้ว่ามีความตั้งใจและทุ่มเทมากแค่ไหน และผมอยากให้วันเปิดตัวครั้งนี้เป็นทางการ จึงได้เชิญสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ ซึ่งมีการอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง วันดังกล่าวนอกจากทุกคนจะได้เห็นผมและท่านถาวรแล้ว อาจจะได้เห็นการเปิดตัวคนอื่นๆที่สนับสนุนผมในครั้งนี้ด้วย”นพ.วรงค์ กล่าว
อยากได้’บิ๊กตู่’เป็นนายกฯ
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่4)” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-18กันยายน จากประชาชนทั่วประเทศ 1,251 หน่วยตัวอย่าง
ซึ่งบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (10 อันดับแรก) พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 29.66 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 17.51 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 13.83 ระบุว่าเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่) อันดับ 4 ร้อยละ 10.71 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 5.28 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย) และพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 7 ร้อยละ 4.64 ระบุว่าเป็น นายชวน หลีกภัย (อดีตนายกรัฐมนตรี) อันดับ 8 ร้อยละ 1.92 ระบุว่าเป็น หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย) อันดับ 9 ร้อยละ 1.76 ระบุว่าเป็น นายวิษณุ เครืองาม (รองนายกรัฐมนตรี) อันดับ 10 ร้อยละ 1.52 ระบุว่าเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชาติ) และอันดับ 11 ร้อยละ 1.44 ระบุว่าเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี) และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ (พรรครวมพลังประชาชาติไทย) ในสัดส่วนที่เท่ากัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี