ศาลยกฟ้อง “ธาริต-พนักงานสอบสวนดีเอสไอ” หลัง“มาร์ค-เทือก”ฟ้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย กลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษสลายม็อบ นปช.ปี 53
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 25 ก.ย.61 ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าชุดคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 , พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 , 90 , 157 , 200
กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 2554 - 13 ธ.ค. 2555 ดีเอสไอได้สรุปสำนวนดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและเล็งเห็นผล จากกรณีการออกคำสั่ง ศอฉ. ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 โดยโจทก์เห็นว่าการแจ้งข้อหาบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และดีเอสไอไม่มีอำนาจ เพราะต้องเป็นการวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เท่านั้น จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาล พิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย
โดยวันนี้จำเลยทั้งสี่ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้ง 2 ฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักน้อย ซึ่งเป็นเพียงพยานแวดล้อมและความเห็นทางกฎหมาย จึงยังไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะนำสืบให้เห็นว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 จงใจกลั่นแกล้งโจทก์ในการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินการในรูปของคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ มีจำเลยที่ 2 - 4 และอัยการเข้าร่วมในนามคณะทำงาน โดยแต่งตั้งขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายของนายพัน คำกอง ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ คณะกรรมการไม่มีอำนาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา ต้องส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาต่อ พยานหลักฐานโจทก์ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายธาริต ได้ยกมือไหว้สื่อมวลชน และเดินทางกลับทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่ เป็นไปตามพยานหลักฐาน และตามบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนาบิดเบือนแจ้งข้อกล่าวหา หรือกลั่นแกล้งโจทก์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ยื่นฎีกา ขอศาลฎีกามีคำสั่งให้รับคดีไว้พิจารณาด้วย ต่อมาศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้รับคดีไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่ที่ได้สอบสวนและแจ้งข้อหาโจทก์ทั้งสอง ตามที่โจทก์ทั้งสองนำพยานหลักฐานเข้าไต่สวนมามีเหตุผลให้เชื่อว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ อาจเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 200 ได้ คดีจึงดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่าย จนแล้วเสร็จและมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องนายธาริต กับพวกในวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี