25 ก.ย.61 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "เพราะ 'คนป่วย' ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นประชาชนที่เราต้องดูแล ได้ฟังผู้มีอำนาจพูดถึงเรื่อง โครงการ 30 บาท และเฝ้าดูการเพิ่มงบประมาณ แต่ผลลัพธ์ทางสุขภาพของประชาชนกลับแย่ลง คนป่วยมากขึ้น ผู้ให้บริการลำบากขึ้น
ในฐานะที่ดิฉันมีส่วนผลักดันโครงการดังกล่าว เลยขอแสดงความห่วงใยต่อระบบการบริหารจัดการในการดูแลสุขภาพของคนไทย ที่ดูว่านับวัน จะผิดทิศผิดทางมากขึ้นทุกวัน ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการที่เป็นหัวใจของระบบประกันสุขภาพ (โครงการ 30 บาท) อย่างแท้จริง ซึ่งเรามุ่งเน้น
-การสร้างโอกาสที่ทัดเทียมในการเข้ารับการรักษาพยาบาล อย่างมีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าคนนั้นจะจนแค่ไหน โดยไม่มีภาระทางการเงินในการดูแลสุขภาพ
- การมุ่งสู่การสร้างสุขภาพดีให้คนไทยแข็งแรง เพื่อสังคมไทยแข็งแรงและผาสุก
- การมุ่งเน้นการบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
แต่ในปัจจุบันนี้ เราต้องใช้งบประมาณสูงถึง 3,197.32 บาทต่อหัว ซึ่งคิดเป็นงบรวมสูงถึง 111,179.08 ล้านบาท ต่อปี ในสมัยที่เราเริ่มต้นโครงการ เราใช้เพียง 1202.4 บาทต่อหัว งบรวมเพียง 53,292.4 ล้านบาท ในปี พ.ศ.2545 แต่แม้ปัจจุบัน จะมีการเพิ่มงบประมาณมากขึ้นเพียงใด ไม่ได้ทำให้สุขภาพคนไทยดีขึ้นเลย เห็นได้จาก
- ตัวเลขอัตราการตายของแม่ เมื่อเริ่มโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคในปี พ.ศ.2545 ที่ 15.0 ต่อการเกิดมีชีพ 100,000 คน และลดลงจนต่ำกว่า 13 ต่อการเกิดมีชีพ 100,000 คน ในปี พ.ศ.2549 แต่ปัจจุบันกลับสูงอย่างก้าวกระโดด ในปีพ.ศ. 2559 สูงถึง 26.6 ต่อการเกิดมีชีพ 100,000 คน
- อัตราการป่วยในโรคไม่ติดต่อสำคัญ ทั้งโรค ความดันโลหิตสูง เพิ่ม จาก 530.75 ต่อแสนประชากร ในปี พ.ศ.2548 กลายเป็น 1,901 ในปี พ.ศ. 2559 โรคเบาหวาน เพิ่มจาก 490.53 ต่อแสนประชากร ในปี พ.ศ.2548 กลายเป็น 1,233 ต่อแสนประชากรในปี พ.ศ.2559
- อัตราการป่วยของโรคติดต่อ ที่เราเคยควบคุมได้แล้ว แต่กลับมาระบาดสูงขึ้น เช่น โรคอหิวาต์ ไข้เลือดออก วัณโรค พิษสุนัขบ้า
- ระบบควบคุมโรคที่เราเคยควบคุมโรคอุบัติใหม่ได้ดี เช่น โรคซาส์ โรคไข้หวัดนก เมื่อครั้งที่เริ่มโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะนี้กลับไม่สามารถควบคุมการป่วยด้วยโรคติดต่อใหม่ๆ ได้ เช่น ซิกาไวรัส ที่ทำให้หญิงมีครรภ์คลอดบุตรออกมาพิการ หัวเล็ก สมองไม่โต
-มีการใช้งบประมาณรายหัวเพิ่มขึ้นถึง 266% จากจุดเริ่มต้นโครงการ แต่กลับทำให้คนไทยป่วยมากขึ้น อ่อนแอลง
เพราะการจัดการงบประมาณผิดทิศผิดทาง ไม่ส่งเสริมให้เกิดการสร้างสุขภาพให้กับประชาชน ไม่มีการส่งเสริมให้พื้นที่บริหารจัดการสุขภาพให้ประชาชนแข็งแรง ตลอดจนไม่จัดสรรงบประมาณให้เกิดแรงจูงใจในการส่งเสริมสุขภาพ ปัจจุบันจึงกลายเป็น การจัดสรรงบประมาณแบบจูงใจให้เกิดโรค เป็นระบบ Sick care ไม่ใช่ Health care คนไทยจึงป่วยมากขึ้น ทั้งๆ ที่งบประมาณใช้มากขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเทียบกับตอนเริ่มโครงการ
รวมทั้งไม่ควรจัดงบประมาณไว้ที่ส่วนกลางมากๆ แต่ควรส่งไปให้กับพื้นที่ ให้มากกว่านี้ ประชาชนทุกพื้นที่ควรได้รับงบประมาณเท่าเทียมกัน รวมทั้งส่วนกลางต้องไม่กำหนดเกณฑ์การจัดสรรลงไปบังคับพื้นที่ ส่วนกลางแค่กำหนดเป้าหมายใหญ่ และทิศทางสุขภาพใหญ่เท่านั้น
ในช่วงที่เริ่มทำโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค เราได้กำหนดเป้าหมายหลักให้ทุกพื้นที่ลดผู้ป่วย 3 โรคหลักคือ ไขมัน ความดัน เบาหวาน ที่เป็นต้นทางของโรคร้ายแรง ที่ทำให้ป่วย เสียชีวิต พิการ และต้องเสียค่ารักษาพยาบาลสูงมาก โดยโครงการส่งเสริมป้องกันโรค รณรงค์ให้ความรู้เรื่องโภชนาการ และการออกกำลังกาย ปรากฏว่าอัตราการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึงกับสร้างสถิติระดับโลก อีกทั้งประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารปลอดภัยมากขึ้น มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าอัตราตายจากโรคหัวใจลดลง
ผลสำเร็จนี้ทำให้องค์การอนามัยโลกยกย่องชื่นชมรัฐบาลของเราในขณะนั้นว่ามีความกล้าหาญ และมีความสามารถในการทำโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ให้โอกาสคนไทยทุกคนได้เข้าถึงการรักษา โดยมีคุณภาพการรักษาที่ทัดเทียมกันอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ลดความเหลื่อมล้ำที่ได้ผลอย่างดียิ่ง และองค์การอนามัยโลกได้นำตัวอย่างความสำเร็จในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของประเทศไทยไปใช้กับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ จนถึงปัจจุบันนี้องค์การอนามัยโลก ก็ยังแสดงความชื่นชมและสนับสนุนโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของไทย ให้เป็นต้นแบบของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
เพราะผู้ป่วยไม่ใช่ภาระ แต่คือประชาชนที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศ
ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนต้องการมีสุขภาพดีกันทั้งสิ้น คงไม่มีใครอยากป่วยเพื่อไปรับการรักษาฟรี อย่างที่ผู้มีอำนาจบางคนออกมาพูด
ถ้าหากผู้มีอำนาจเข้าใจหลักการของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างแท้จริง และจัดสรรงบประมาณอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้ได้ระบบสุขภาพที่พึงประสงค์ของทุกฝ่ายคือ ประชาชนผู้รับบริการก็มีความสุขและบุคลากรผู้ให้บริการก็มีความสุข งบประมาณก็จะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี