30 ก.ย.61 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนรอดูว่า รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้จะไปเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐตามข่าวหรือไม่ แล้วก็เป็นความจริง มีรัฐมนตรี 4 ท่านไปเป็นผู้บริหารในพรรคพลังประชารัฐ และ 2 ใน 4 ท่านได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ นายอุตตม สาวนายน รมว. อุตสาหกรรม ไปเป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ไปเป็นเลขาธิการพรรค ไม่เป็นเรื่องแปลก หากจะมีรัฐมนตรีในรัฐบาลไปดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองควบคู่ไปด้วย
แต่ที่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่งก็คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีอำนาจพิเศษตาม ม.44 ควบคุมประเทศ ทั้งก่อนเลือกตั้งระหว่างเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ โดยที่พรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนรม.ให้ได้ยินไปทั้งประเทศ
พฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนได้เสียในตำแหน่ง นรม.โดยมีอำนาจพิเศษอยู่ในมือดังกล่าว และถือได้ว่าเป็นผลประโยชน์ขัดกันอีกประเด็นหนึ่ง ทั้งยังขัดกับจรรยาบรรณทางการเมือง ที่มีการเอาเปรียบกันในการแข่งขันทางการเมือง ซึ่งถือว่าไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง
ถ้าจะเปรียบให้เห็นง่ายๆ เหมือนการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีทั้ง 4 ท่านดังกล่าว เป็นทั้งนักกีฬาและเป็นกรรมการด้วย รู้ถึงไหนก็อายถึงนั่น ดังนั้น การเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึง จะเป็นการเลือกตั้งที่มีการเอาเปรียบกันอย่างสุดๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
นายชวลิต กล่าวในที่สุดว่า บางครั้งรู้สึกหดหู่ ท้อใจ อับจนปัญญาที่จะให้ข้อคิด ข้อเสนอแนะ ทางออกประเทศจากปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ เพราะฝ่ายบริหารในปัจจุบันไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้ร้อนรู้หนาวด้วยซ้ำว่าความยุติธรรมคืออะไร หากบ้านเมืองขาดความยุติธรรมแล้วจะเป็นอย่างไร คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรจะได้อยู่ในอำนาจต่อ จึงรู้สึกเหนื่อยหน่าย เอือมระอา แต่เมื่อกลับไปพบชาวบ้านซึ่งลำบากมากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมทั้งลูกหลานที่จบการศึกษามาแล้วตกงานกันจำนวนมาก ล้วนให้กำลังใจให้เป็นส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้าน อย่างน้อยก็ช่วยจุดประกายไฟเล็กๆ ในใจประชาชนให้คนไทยที่รักความเป็นธรรมได้เห็น ได้ทราบความจริงเพื่อการตัดสินใจทางการเมือง
ขณะนี้ตนเลิกหวังสปิริตจากรัฐบาลนี้ เพราะพฤติกรรมฟ้องประชาชนและชาวโลกโจ่งแจ้ง เขายังไม่รู้สึกละอายใดๆ ต่อการเอาเปรียบทางการเมือง เนติบริกรก็หาช่องว่างทางกฎหมายคอยแก้ตัวให้ข้างๆ คูๆ เอาสีข้างเข้าถูไปวันๆ จึงหวังจากประชาชนที่จะสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยให้ชนะอย่างถล่มทลายเมื่อการเลือกตั้งมาถึง
ที่หวังเช่นนี้เพราะคนไทยได้สัมผัสความจริงมาแล้วว่า 4 ปีที่รัฐบาลนี้ได้บริหารประเทศ สภาพเศรษฐกิจในครอบครัวของแต่ละครอบครัวเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากลำบากไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมเชื่อว่า "เศรษฐกิจ ปากท้อง จะเป็นปัจจัยกำหนดผู้บริหารประเทศ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี