“รปช.”เตรียมจัดประชุมใหญ่เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลัง กกต.รับจัดตั้งพรรค เผย“สุเทพ”เตรียมนำทัพลงรับสมัครสมาชิกตลาดปัฐวิกรณ์พรุ่งนี้
30 ก.ย. 61 ที่อาคารทู แปซิฟิคเพลส ถนนสุขุมวิท นายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมทีมโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) แถลงข่าว เรื่อง "การประชุมร่วมกับกกต.ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และความคืบหน้าในการดำเนินการ และการทำกิจกรรมของพรรค" โดยนายจอมเดช ตรีเมฆ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับ กกต. เมื่อวันที่ 28 กันยายน. ที่ผ่านมา กกต.ได้แนะนำในหลายประเด็น ทั้งการเก็บค่าสมาชิกหรือค่าบำรุงพรรค 100 บาท โดยอนุโลมให้เก็บ 50 บาทได้ในช่วง 3 ปีแรก
“พรรครวมพลังประชาชาติไทยยังคงยืนยันว่า พรรคต้องใช้ทุนจากสมาชิกพรรค เพื่อให้ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง และยังคงยืนยันที่จะให้ประชาชนที่สนใจจะร่วมเป็นเจ้าของพรรครวมพลังประชาชาติไทย จ่ายเงินบำรุงพรรควันละ 1 บาท ซึ่งจะทำให้พรรคมีเงินทุนมากพอที่จะใช้ดำเนินการของพรรคได้ ส่วนจำนวนสมาชิก รปช.ตั้งเป้าสมาชิกอย่างน้อย 100 คนต่อจังหวัด ซึ่งภายใน 1 เดือนทางพรรคจะต้องมีสมาชิก7,700 คนเป็นอย่างน้อย” นายจักษ์ กล่าว
นอกจากนั้นจะมีการจัดประชุมใหญ่อีกครั้งเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะทำหน้าที่ต่อจากนี้ 4 ปี ซึ่งจะมีการประชุมโดยให้สมาชิกพรรคร่วมเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคตัวจริงต่อไป รอการรับรองจาก กกต. ก่อน โดยหวังว่า กกต.จะอนุมัติในวันที่ 8 ตุลาคมหลังจากนั้นเราจะต้องเร่งดำเนินการเร็วที่สุด ทั้งการหาสมาชิกและคาดว่า ต้นเดือนพฤศจิกายน จะสามารถจัดประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคได้ เพื่อให้สามารถส่งผู้สมัครของพรรคทันการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์นี้
นายจักษ์ กล่าวว่า การเลือกหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จะเป็นการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะเข้ามาทำหน้าที่ 4 ปี ตามกฎหมาย ซึ่งกรณี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ที่ได้รับเลือกเป็นว่าที่หัวหน้าพรรคนั้น ก็เป็นการเลือกให้ทำหน้าที่ในช่วงยื่นจัดตั้งพรรค แต่หากการจัดตั้งพรรคเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อยากจะให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของพรรค มีสิทธิ์ที่จะเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง
ด้านน.ส.เพชรชมพู กิจบูรณะ กล่าวว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยได้เริ่มเปิดการรับสมัครสมาชิกทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของพรรค และในวันที่ 1 ตุลาคม.นี้ พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะลงพื้นที่ตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม ในเวลา 12.30-15.00 น. เพื่อให้ประชาชนที่มีความประสงค์จะเป็นสมาชิกพรรคสามารถยื่นใบสมัครได้โดยตรง โดยจะมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลงพื้นที่ไปรับสมัครสมาชิกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งนั้น นายจักษ์ กล่าวว่า เป็นประเด็นนอกเหนือจากที่เราจะชี้ชัดได้ และคงเป็นสิทธิของพรรคเขา เราไม่ก้าวล่วงไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่การจะจับมือกันหรือไม่ ควรจะต้องบอกประชาชนรับรู้ด้วย เพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้ ดังนั้นทั้ง 2 พรรค ก็ควรชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐที่มีการเปิดตัวแกนนำพรรคซึ่งหลายคนเป็น รมต.ในรัฐบาลปัจจุบันนั้น ในเรื่องดังกล่าวก็น่าสนใจ แต่เราไม่ได้กังวลอะไร ไม่ว่าใครจะย้ายไปอยู่กับใคร ใครจะดูดใคร รัฐมนตรีจะย้ายไปอยู่พรรคไหน ก็เป็นเรื่องของเขา แต่จะถูกใจจะชอบด้วยหลักนิติธรรมหรือไม่ ก็อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ แต่พรรคของเรายืนยันว่า พร้อมที่จะลงเลือกตั้ง พรรคพยายามทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันตามกรอบเวลา และยังคงยืนยันที่จะทำไพรมารีโหวตตามหลักการแม้เวลาจะสั้น เพราะอยากเห็นการปฏิรูปทางการเมืองอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า กังวลกับการลงพื้นที่รับสมัครสมาชิกหรือไม่ เพราะการประชุมร่วมกับ กกต. เมื่อวันที่ 28 กันยายน .ที่ผ่านมายังมีความไม่ชัดเจนว่าสามารถทำได้แค่ไหน อย่างไร นายจอมเดช กล่าวว่า การรับสมัครสมาชิกของพรรคในวันพรุ่งนี้เชื่อว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเราลงพื้นที่ไม่ได้เอิกกเริกอะไร ไม่ได้ป่าวประกาศอะไร เพียงแค่ไปรับสมัคร หากใครสนใจก็เดินมาสมัครได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี