6 ต.ค. 61 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Chaturon Chaisang" ระบุว่า หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีคำสั่งคสช.ให้รัฐมนตรีและบุคคลต่างๆไปรายงานตัว ซึ่งผมไม่ได้ไปรายงานตัว ทางคสช.จึงได้ออกคำสั่งที่ 10/2557 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 มีเนื้อหาสำคัญคือ ห้ามสถาบันการเงินทุกประเภท ทำธุรกรรมการเงินและนิติกรรมสัญญาใดๆกับผม คงเป็นเพราะกลัวว่าผมจะใช้ทรัย์สินเงินทองที่มีอยู่ไปเคลื่อนไหวต่อต้านคณะรัฐประหาร ซึ่งต่อมาผมได้ยินยอมให้ทางคสช.เข้าควบคุมตัวที่ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และได้ถูกดำเนินคดีในศาลทหาร ซึ่งได้รับประกันตัวในเวลาต่อมา
ระหว่างปี 2557 จนถึงปี 2560 ผมได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยังศูนย์ดำรงธรรมและนายกรัฐมนตรี รวมถึงคสช.ที่เป็นผู้ออกคำสั่งดังกล่าว ให้ดำเนินการยกเลิกคำสั่งที่เป็นการเลือกปฏิบัติและจำกัดสิทธิเสรีภาพอย่างร้ายแรง หลายครั้งหลายครา แต่มีเพียงคำตอบเป็นหนังสือมาจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการว่า คำสั่งดังกล่าวไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต และ สามารถขออนุญาตคสช.ทำธุรกรรมเป็นครั้งๆไปได้
การคงคำสั่งไว้เป็นการขัดต่อหลักเสรีภาพและสิทธิทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เพราะจะถอนเงินมาใช้ก็ไม่ได้ จะชำระเงินต่างๆ ผ่านบัตรเครดิตก็ต้องขอเป็นครั้งๆไป จะใช้เงินเร่งด่วนเพื่อดูแลพ่อที่ป่วยเมื่ออยู่โรงพยาบาลก็ล่าช้าเกิน และ เสียโอกาสในการทำประกันสุขภาพและประกันชีวิต เพราะคำสั่งนี้มีผลจนถึงปัจจุบัน ที่ผมอายุเกิน60 ปี ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะวางแผนเรื่องประกันสุขภาพใดๆเลย นอกจากนี้ จะทำมาค้าขายที่ติดต่อธนาคารหรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ได้
จริงๆแล้วคำสั่งนี้ควรจะต้องถูกยกเลิกไปเพราะหมดความจำเป็นตั้งแต่ผมยินยอมให้ทางคสช. แล้วได้เข้าควบคุมตัวผมที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2557 แล้ว การที่ผมจะทำประกันสุขภาพ ประกันชีวิต หรือจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือใช้เงินเพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน จะทำให้บ้านเมืองไม่สงบได้อย่างไร
เมื่อศึกษาพบว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ตามมาตรา 77 ที่กำหนดว่ารัฐจะต้องปรับปรุงกฏหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินต่อการดำเนินชีวิตและเป็นการเลือกปฏิบัติ ประกอบกับมาตรา 279 ที่ระบุว่า คำสั่งและประกาศของทางคสช. สามารถปรับปรุง แก้ไข หรือ ยกเลิก ได้ ในกรณีที่เห็นว่าเป็นคำสั่งทางบริหารก็ให้ ครม.มีมติ หรือ จะเสนอไปยังฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อยกเลิกต่อไป ผมจึงมีหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี ครม.หัวหน้าคสช. และคสช. เพื่อให้ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่พิจารณาในระยะเวลาที่กำหนด จึงมาร้องต่อศาลปกครองเพราะหากไม่ฟ้อง คำสั่งนี้ก็จะมีผลกับผมตลอดไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 11กันยายน 2557 ศาลปกครองได้นัดไต่สวนสองฝ่ายเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 ศาลปกครองได้มีคำสั่งรับคำฟ้องในส่วนที่ผมฟ้องให้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี พิจารณายกเลิกคำสั่งระงับธุรกรรมการเงินผมโดยไม่ชักช้า ไว้ในการพิจารณาของศาลแล้ว
ผมเห็นว่าคดีนี้นอกจากมีความสำคัญอย่างมากต่อการใช้ชีวิตของผมแล้ว ยังมีความหมายอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไป ทั้งยังน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คดีที่พลเมืองคนหนึ่งสามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายฟ้องนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันและคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันให้ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายโดยเฉพาะให้พิจารณายกเลิกคำสั่งคสช.ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี