เก็บบัตรปชช.แลก200บ.
สงสัยวิชามารพรรคไหน
ปชป.ทุ่ม5ล้านเลือกหัวหน้า
นัดดีเบตผู้ชิงตำแหน่ง26ตค.
ปชป.ทุ่มงบ 5 ล้าน จัดหยั่งเสียงเลือกหัวหน้า เคาะวันดีเบตผู้สมัครชิงตำแหน่ง 26 ตุลาคม ด้าน’เพื่อไทย’ปูด ส่งคนเก็บบัตรประชาชนแลก200บาท ไม่รู้ฝีมือพรรคไหน‘สามมิตร’รอผลโพลล์วัดคะแนนนิยมก่อนหิ้ว70ผู้สมัครซบ’พปชร.’ ตุลาคมนี้ พร้อมจองเก้าอี้รัฐมนตรีให้’สมศักดิ์’
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นายชุมพล กาญจนะ ประธานการหยั่งเสียงหัวหน้า ปชป.พร้อมคณะแถลง ว่า ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ จะประชุมระบบไอที เพื่ออำนวยความสะดวกในการหยั่งเสียงหัวหน้าพรรค ซึ่งถือเรื่องใหม่ที่สมาชิกเดิม 2.5 ล้านคนรวมถึงสมาชิกใหม่ที่มาสมัครถึงวันที่ 15 ตุลาคมได้เลือกหัวหน้าพรรค อย่างทั่วถึง
“เราจะประชุมร่วมกับตัวแทนจากผู้สมัครทั้งสามฝ่ายเพื่อกำหนดรูปแบบให้สมาชิกมาใช้สิทธิอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังหารือเกี่ยวกับการจัดดีเบตผู้สมัครหัวหน้าพรรคทั้งสามคน ได้พูดถึงทิศทางพรรคว่าจะเป็นอย่างไร จะทำงานกับประชาชนอย่างไร ซึ่งกำหนดให้มีการดีเบตในวันที่ 26 ตุลาคม เวลา 9.30 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยจะวางกรอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เปิดโอกาสให้มีการซักถามแนวทางของผู้สมัครทั้งสามด้วย ทั้งนี้มีการประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับการหยั่งเสียงว่าอาจใช้เงินประมาณ 4-5 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินของสมาชิก โดยจะใช้อย่างประหยัดที่สุด”นายชุมพล ระบุ
และว่าการหยั่งเสียงหัวหน้าพรรคหนนี้ มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีลำเอียงไปข้างหนึ่งข้างใด ซึ่งเรื่องการหาเสียงของผู้สมัครก็ไม่ถึงกับต้องมีใบเหลือง ใบแดง เพราะเชื่อว่าผู้สมัครมีวุฒิภาวะ อาจมีใบเหลืองกองเชียร์เพื่อเตือนว่า ขอให้ทำบนพื้นฐานให้มีความสามัคคีอย่าใส่ร้ายกัน เนื่องจากทุกคนทำงานเพื่อพรรค
พท.ปูดเก็บบัตรปชช.แลก200บาท
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาพบพฤติกรรมของบางพรรคการเมือง ส่งว่าที่ผู้สมัครและเครือข่ายผู้สนับสนุนพรรคไปเก็บบัตรประชาชนของประชาชนในหลายพื้นที่ อ้างว่าเพื่อมาสมัครสมาชิกพรรคการเมือง โดยพบมากในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่นที่ จ.นครราชสีมา มีการจ่ายเงินสนับสนุนการหาสมาชิกพรรคดังกล่าวหัวละ200บาท โดยประชาชนที่ถูกเก็บบัตรจะได้หัวละ100บาท อีก 100บาท จะจัดสรรเป็นค่าตอบแทนให้กับเครือข่ายว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ เก็บมาก ได้มาก เก็บน้อย ได้น้อย ไม่แน่ใจว่านี่คือ ผลสัมฤทธิ์และความก้าวหน้าของการปฏิรูปทางการเมืองของรัฐบาลหรือไม่ รวมถึงพฤติกรรมการไปจัดประชุมชาวบ้าน ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น อย่างเอิกเกริกและเปิดเผย โดยไม่สนใจประกาศหรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
‘สามมิตร’ย้ำซบ’พปชร.’แน่
วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษานายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คนที่ 2 เพื่อเดินหน้าเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับการเปิดตัวกลุ่มสามมิตรเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นั้น ขณะนี้ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากผู้สมัครของกลุ่มสามมิตรมีเป็นจำนวนมาก จึงต้องทำโพลสำรวจเพื่อคัดเลือก คนที่มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ และใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่มากที่สุด เพราะหากมีการเปิดตัวผู้สมัครบางคนออกไปแล้ว แต่ภายหลังมีบุคคลสนใจมาร่วมงานกับกลุ่มสามมิตรอีกแล้ว ปรากฏว่ามีความใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่มากกว่าจนทำให้พรรคที่กลุ่มสามมิตรไปสังกัดนั้นต้องเปลี่ยนตัวผู้สมัคร อาจจะทำให้คนที่ถูกเปลี่ยนตัวเสียกำลังใจได้ และเป็นสิ่งที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ซีเรียสเพราะเกรงว่าอาจจะทำร้ายจิตใจและเสียพรรคพวก ดังนั้นการคัดสรรต้องเป็นไปอย่างละเอียดจึงทำให้ล่าช้าไปบ้าง แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนต.ค.นี้
โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวด้วยว่า วันนี้กลุ่มสามมิตรจะไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร เคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างแน่นอน เพียงแต่การจะเข้าไปสู่พรรคพลังประชารัฐนั้นคงจะต้องใช้เวลา เพราะเราจะต้องนำผู้สมัครที่มีความรู้ ความสามารถใกล้ชิดประชาชน เพื่อนำไปเสริมความแข็งแกร่งให้พรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
ขน70คนเข้าร่วมงาน
“เบื้องต้นกำหนดไว้จำนวน 70 คน ซึ่งรวมถึงกลุ่มมัชฌิมาของนายสมศักดิ์ เพราะกลุ่มนี้ไม่ว่าจะลงสมัครในนามพรรคไหนก็ได้รับชัยชนะ สำหรับตัวนายสุริยะ ประกาศชัดเจนที่จะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง ส่วนนายสมศักดิ์ จะอยู่ในฝ่ายบริหาร และ นายอนุชา นาคาศัย ลงสมัคร ส.ส.เขต ขณะเดียวกันส่วนตัวมีความพร้อมในการทำงานให้พรรคพลังประชารัฐ ในทุกแบบที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่”โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าว
และว่า ในส่วนการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นหน้าที่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ส่วนตัวชื่นชมความสามารถของพล.อ.ประยุทธ์
รปช.ห่วงฉีกรัฐธรรมนูญ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับขั้วอำนาจของคสช. จึงอย่าเหมารวมว่าเราจะเป็นพวกเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือพวกใคร เพราะเราจะยึดแนวทางการปฏิรูปประเทศตามแนวทางของประชาชน หากยอมรับเงื่อนไขของเราก็ยินดีจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้ เนื่องจากเราไม่ได้อยู่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เป็นลูกน้องใคร เราเป็นพรรคของประชาชนต้องถามประชาชนว่าจะเอาใครและจะทำอย่างไร
ผู้ร่วมก่อตั้ง รปช.ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนไปยัง กกต.เกี่ยวกับการลงพื้นที่ของตัวเองว่าเข้าข่ายการหาเสียงว่า การลงพื้นที่ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นการหาเสียงแต่ไปในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เพื่อพูดคุยกับประชาชนในเรื่องการปฏิรูปประเทศ และบอกกับประชาชนว่าการปฏิรูปยากทีจะสำเร็จเพราะมีคนต่อต้านไม่อยากเปลี่ยนแปลง หากหวังพรรคการเมือง นักการเมือง ก็จะเห็นว่าบางพรรคประกาศแล้วว่าถ้ามีการเลือกตั้งจะฉีกรัฐธรรมนูญ เรื่องการปฏิรูปประเทศที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญจะถูกยกเลิกไปด้วย
‘เหวง’ยัน’นปช.’ไม่ตั้งพรรค
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. เฟซบุ๊กไลฟ์ กรณีนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. ตั้งพรรคเพื่อชาติว่า ขอยืนยัน นปช. ยืนตระหง่านในฐานะองค์กรทางการเมืองของประชาชน ไปจนกว่าระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้น ไม่มีรัฐประหารอีก จะไม่แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ นปช.จะไปจัดตั้งพรรคการเมือง
“ขออนุญาตให้ทุกคนฝังลึกในจิตวิญญาณว่า นปช.ไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองครับ”นพ.เหวงกล่าว และว่า หลายๆคนสนใจมีบทบาททางการเมืองและอาจเป็นคนของ นปช. ก็ได้”นพ.เหวง กล่าว
ทั้งยืนยันว่า นปช.หารือกันหลายครั้ง และตอกย้ำกันหลายครั้งว่า นปช. จะไม่ตั้งพรรคการเมือง พรรคการเมืองทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับ นปช. แต่เป็นไปได้ที่คนของนปช.เข้าไปเป็นสมาชิกพรรคของเขา และมีบทบาทในพรรคของเขา ยกตัวอย่างพรรคเพื่อไทย ผมก็เป็นสมาชิกอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะไปทำลายความเป็น นปช. ของผม หรือพรรคเพื่อชาติเขาตั้งมานานแล้วและคุณตู่ จตุพร ซึ่งยอมรับว่าเข้าไปมีบทบาทแต่เขาก็ไม่มีสิทธิทางการเมือง สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ เท่านั้นเองเป็นเรื่องปกติ ก็ต้องดูว่าคุณตู่จะให้น้ำหนักพรรคเพื่อชาติกับ นปช.อย่างไร
‘มิ่งขวัญ’ ไม่เข้าร่วม’พปชร.’
บ่ายวันเดียวกัน ที่โรงแรมไฮแอท เอราวัณ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แถลงปฎิเสธกระแสข่าวจะเข้าร่วมงานกับพลังประชารัฐพปชร
“ผมยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปพบ หารือ เจรจาติดต่อใดๆกับพรรค พปชร. ไม่มีการคุยกัน และยืนยันจะไม่ไปอยู่และไม่คิดจะไปอยู่พรรค พปชร.แน่นอน”นายมิ่งขวัญ ระบุ
เมื่อถามว่าขณะนี้พรรคการเมืองมีสองขั้วคือพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และไม่สนับสนุน จะตัดสินใจไปอยู่ขั้วใด นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ยังไม่ได้บอกจะอยู่พรรคใด แล้วจะไปอยู่ขั้วใดได้อย่างไร เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ติดต่อให้ไปช่วยงานอีกครั้งหรือไม่ นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะร่วมงานกับพรรคสำรองของพรรคเพื่อไทย นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ขอให้ติดตามตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายมิ่งขวัญ พูดคุยอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อพยายามสอบถามถึงพรรคการเมืองที่จะเข้าสังกัด นายมิ่งขวัญ เลี่ยงที่จะตอบ โดยระบุให้รอตอนต่อไป แล้วจะมาตอบให้ชัดเจน พร้อมหยอกผู้สื่อข่าวว่าภาพยนตร์ยังมีภาคต่อไปเลย และตอนหนึ่งนายมิ่งขวัญ ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าไม่เห็นหน้ากันมานาน ตนแก่ขึ้นหรือไม่ ก่อนตอบกลับเองว่า “แก่แล้วรักไหมละ”
กกต.ตั้งผู้ตรวจเลือกตั้ง603คน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่า นายณัฎฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัดและ กทม. ให้ทราบว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ได้ลงนามในคำสั่ง กกต. ที่ 64/2561 เรื่องการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งแล้ว โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา29 พรป.ว่าด้วย กกต.2560และ ข้อ 20 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยผู้ตรวจการเลือกตั้ง2561 ประกอบมติ กกต. เมื่อวันที่ 2ตุลาคมและ8 ตุลาคม เห็นควรให้แต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 77จังหวัด รวม 603คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10ตุลาคมเป็นต้นไปและให้บัญชีรายชื่อดังกล่าว มีระยะเวลา 5 ปี นับแต่มีคำสั่ง
และให้สำนักงานกกต.จังหวัดแจ้งให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งรับทราบและเตรียมเข้ารายงานตัวเพื่อฝึกอบรม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ในขณะนั้น ได้ประกาศรายชื่อ ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดละ8คน รวม 616คนและให้สำนักงาน กกต.จังหวัดทั่วประเทศ ปิดประกาศเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเสนอข้อมูล หรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และพฤติการณ์ของผู้ได้รับการคัดเลือกมายัง กกต. ซึ่งการพิจารณาของ กกต.ชุดปัจจุบันก็ได้มีการคัดเลือกไว้ 603คน ซึ่งทำให้ทุกจังหวัดไม่ได้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งจำนวนไม่เท่ากัน แต่จะไม่น้อยกว่า 5-8คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี