รัฐมนตรีพปชร.ลงพื้นที่
‘อุตตม’นำทัพ
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
3อดีตสก.ปชป.แห่ซบ
ลุยดูดเพิ่มลูก‘กำนันเซี๊ยะ’
เพื่อไทยยำเอาเปรียบคนอื่น
ตามกดไลค์เพจ‘ประยุทธ์’
รัฐมนตรีพลังประชารัฐ ประเดิมลงพื้นที่ชุดใหญ่ ลุยตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลิ่งชัน จับเข่ารับฟังแนวคิดเครือข่ายภาคประชาชน “อุตตม-สนธิรัตน์”ประสานเสียงมารับฟังความเห็นของชาวบ้าน โดยมีอดีต3 สก.ปชป.เข้าร่วมทีม ทั้งยังดูดลูกชาย “กำนันเซี๊ยะ”ผู้กว้างขวางแห่งเมืองกาญจนบุรีเข้าเสริมทีม เพื่อไทยตามสับทันควันเอาเปรียบพรรคอื่น
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ตุลาคม ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน กทม. เครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชนตลาดน้ำคลองลัดมะยม นำโดยนายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม ได้จัดกิจกรรมระดมสมองแนวคิดจากเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร โอท็อป กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ประมาณ 200 คนจากทั่วประเทศ
3 รมตแกนนำ พปชร.ร่วมงาน
โดยมี นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค และ นายอิทธิพล คุณปลื้ม ว่าที่ ผู้อำนวยการพรรคฯ ได้ใช้เวลาในวันหยุดราชการ ไปร่วมงาน”ขับเคลื่อนเครือข่าวชุมชนฐานราก ตลาดน้ำคลองลัดมะยม” เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาค
ทั้งนี้ ก่อนจะเริ่มรับฟัง ทั้ง นายอุตตมและนายกอบศักดิ์ได้เข้าเยี่ยมชมซุ้มกิจกรรมผลิตภัณฑ์ของเครือข่ายต่างๆที่นำมาแสดงโดยทั้งสองยังได้ทดลองนวดแผนไทยด้วย
‘สนธิรัตน์’มารับฟังดันสู่นโยบาย
โดยนายสนธิรัตน์ได้กล่าวก่อนเริ่มกิจกรรมร่วมรับฟังความเห็นประชาชนว่าวันนี้พวกเราไม่ได้มีเจตนามาในนามรัฐมนตรี ไม่ได้มีหัวโขนติดมา แต่ในนามของ พปชร. อยากมาฟังพี่น้องประชาชนจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ อยากให้ทุกคนสบายใจที่ได้มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดและต้องการแลกเปลี่ยนกับทุกคน ภาคประชาสังคม คือ หัวใจใหญ่ที่สำคัญมากกับการเปลี่ยนแปลงประเทศ หากภาคประชาสังคมไม่เข้มแข็ง จะเป็นจิกซอร์ที่ขาดหาย ตนอยู่ภาคประชาสังคมมาเป็น10ปี ทำงานภาคประชาสังคมมาโดยตลอด คิดว่าโอกาสภาคประชาสังคมที่จะเข้ามาให้นโยบายต่างๆเรายังมีโอกาสน้อย
การมารับฟังนโยบายต่างๆจึงถือโอกาสมาฟัง หากมีอะไรดีๆที่คิดว่าประเทศไทยขาดและเราอยากเติมสิ่งนั้นไปด้วยกัน ระหว่างที่เดินมาพบกลุ่มต่างๆก็มีเรื่องราวดีๆหลายอย่างแต่ไม่เคยมาถึงสู่การขับเคลื่อนระดับนโยบาย เราจะรวบรวบสิ่งเหล่านี้สู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบายสิ่งเหล่านี้หากได้ทำจะช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ช่วยคนข้างล่างได้มีโอกาส สิ่งที่ตั้งใจมา เราฐานะพี่น้องกัน มาในฐานะอาสาที่จะเป็นตัวแทนภาคประชาชนมารับฟัง วันนี้จะไม่มีพิธีกรรมเยอะจะมีเพียงสาระที่อยากได้ อยากให้ทุกคนพูดเสนอประเด็นเต็มที่ พวกเราที่อาสามาทำงานบ้านเมืองในนามของพลังประชารัฐจะรับไปพิจารณา และเรื่องไหนที่ดี เดี๋ยวมาช่วยพรรคทำงาน มาช่วยกันแลกเปลี่ยนกันต่อ
ย้ำเข้าใจบทบาท-สบายใจได้
นายสนธิรัตน์ ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวในบทบาทรัฐมนตรีและผู้บริหารพรรคหลังที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ระบุว่าไม่ควรใช้ที่และเวลาราชการในการสัมภาษณ์การเมืองว่าเราเข้าใจบทบาทตัวเองอยู่แล้วจึงใช้โอกาสในวันหยุด มารับฟังประชาชนเพราะภาคประชาชนและหัวหน้าพรรค สนใจมาก เราเป็นพลังประชารัฐ ต้องฟังทุกภาคส่วน และยืนยันไม่ได้ใช้เวลาหรือทรัพยากรของรัฐมาใช้ ในเวลาราชการจะไม่คุยเรื่องการเมือง เราระมัดระวังมาก เรื่องการตอบคำถามเพราะอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกาจึงขอให้สบายใจได้ว่าจะเข้มงวด ไม่คิดจะใช้ความได้เปรียบของตำแหน่งและบทบาทหน้าที่รัฐมนตรีไปสร้างผลประโยชน์ทางการเมือง แต่จะเดินหน้าทำงานโดยไม่เอาบทบาทรัฐมนตรีไปสร้างประโยชน์
โต้ใช้ทำเนียบคุย’สมคิด’เรื่องงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ 4 รัฐมนตรีเข้าไปพูดคุยกันห้องทำงานของนายสมคิด จาตุศรีทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในทำเนียบรัฐบาล เป็นสถานที่ราชการ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าไปคุยกันเรื่องงาน ต้องดูว่าทำในบทบาทใด ถ้าคุยการเมือง เราจะไปประชุมข้างนอก เพราะไม่ถูกต้อง ที่จะใช้สถานที่ราชการ
ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ต่างๆเป็นการหาเสียงล่วงหน้า นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า ไม่ได้หาเสียง เพียงแต่มาประชุม เพราะตลาดน้ำแห่งนี้ ต่างเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป การจะไปใช้ที่อื่นประชาชนคงไม่สะดวก หากกลุ่มใดเชิญไป เราก็จะไปซึ่งกลุ่มต่างๆเขาก็มีการประชุมกันอยู่แล้ว เมื่อพรรค สนใจภาคประชาสังคม จึงต้องมารับฟัง
ลั่นจะออกเมื่อถึงเวลาจะลุยเต็มตัว
เมื่อถามว่ากลัวว่ากระแสต่อต้านการดำเนินงานของพรรคจะบานปลายและกระทบกับพรรคหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องมีกรอบและหลักเกณฑ์ ที่การเมืองบอบซ้ำนั้น เพราะเราไม่ได้อยู่บนหลักการ สิ่งที่เราทำในอดีต ก็เคยทำกันมา เราเข้ามาทำ ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ย่อมมีความลำบากใจมากกว่านักการเมืองในอดีตแน่นอน เราจะระมัดระวังให้มากที่สุด
เวลาที่เหลืออยู่ จะทำหน้าที่ในตำแหน่ง รมต.ให้ดีที่สุด จะต้องรอดูผลงานอีก 3 เดือนที่เหลือ และไม่อยากให้ใช้ความรู้สึกมาวิจารณ์แต่ควรดูพฤติกรรมและหลักการเป็นตัวตั้งจากนั้นจะสรุปให้ทราบว่าที่ต้องการทำให้สูงกว่ามาตรฐานของนักการเมืองเดิมๆนั้น ขอย้ำว่าจะยุติบทบาท รมต.เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลานั้น จะเดินหน้าทางการเมืองเต็มตัว เวลานี้ยังไม่ถึงเวลา ก็จะทำงานในตำแหน่งต่อไปให้ดีที่สุด เพราะเราทั้ง 4 คน รับผิดชอบงานจำนวนมาก ต้องใช้เวลาสะสางงานที่ค้างคาอยู่
3อดีตสก.หญิงปชป.โผล่แจม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานเครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชนที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมครั้งนี้ ทั้ง3อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีข่าวจะย้ายไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ อาทิ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต ส.ก.พระนคร,นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต ส.ก.คลองเตย และ นางกนกนุช กลิ่นสังข์ อดีต ส.ก.ดอนเมือง ได้มาร่วมงานดังกล่าวด้วย
โดย นางกรณิศ ยืนยันว่าการตัดสินใจย้ายจาก ปชป. เป็นการตัดสินใจด้วยตนเอง โดยเห็นแนวคิดและแนวทางการทำงานที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับคำชวนของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อีกทั้ง หลังทำงานในท้องถิ่น กว่า 12 ปี เป็น ส.ก.มา 2 สมัย เห็นชัดเจนว่าแนวทางที่ท้องถิ่น ควรต้องขับเคลื่อนมีประเด็นใดบ้าง ส่วนจะถึงขั้นลงเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ขึ้นอยู่กับแกนนำพรรคพิจารณาอีกครั้ง ส่วนหลังจากนี้ จะมี อดีต ส.ก.ปชป.จะย้ายมาอีกหรือไม่ ยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจโดยสมัครใจของแต่ละบุคคล
‘อุตตม’ยันมารับฟังในฐานะปชช.
ด้านนายอุตตม สาวนายน ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการรับฟังความเห็นประชาชนกลุ่มต่างๆที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมว่า ยินดีที่ได้มารับฟังความคิดเห็นอย่างเป็นกันเองโดยมาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะมาทำงานให้ชาติ ถือเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นคนไทยทำอะไรดีๆเพื่อประเทศ ในทิศทางที่เติบโตอย่างยั่งยืนที่ความเข้มแข็งที่แท้จริง คือ การเริ่มต้นจากชุมชนซึ่งหน้าที่ของภาครัฐโดยรวมจะมาเติมเต็ม บริการให้ความรู้และบริการเทคโนโลยีสมัยใหม่
“การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพราะชุมชนคลองลัดมะยมเชิญให้เข้าร่วมฟังความเห็น หลังจากพวกผมเปิดตัวอาสาเข้ามาทำงาน แต่ไม่ใช่มาในนามพรรคการเมือง หรือ มานำเสนอนโยบาย เพราะพรรคยังไม่เกิด แต่ประชาชนรับทราบว่า มีคนที่อาสาเข้าทำงานการเมืองซึ่งมีหลายกลุ่มไม่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐเท่านั้นดังนั้น อนาคตชุมชนอาจเชิญตัวแทนพรรคการเมืองอื่นมาร่วมก็ได้ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ผู้อาสาทำงานให้บ้านเมืองได้ฟังปัญหา เราเข้ามาใหม่ต้องรับฟังปัญหาให้มาก โดยกลุ่มของผมมีจุดยืนชัดเจนว่าจะทำงานเพื่อชาติ” นายอุตตม กล่าว
ทั้งนี้นายอุตตมกล่าวว่าในการลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความเห็นประชาชนนั้น เป็นไปได้ที่จะลงพื้นที่เพิ่มเติมช่วงวันหยุดราชการ จะลงพื้นที่ไหนหรือจังหวัดนอกพื้นที่ กทม.หรือไม่ ขอพิจารณาตามโอกาสอีกครั้งเพื่อนำประเด็นที่ได้จากการพูดคุย ไปใช้ในการทำนโยบายในอนาคตด้วย
ลั่นเปิดตัวขุนพลหลังจดตั้งพรรค
เมื่อถามถึงกรณีการดังตัวอดีต ส.ส.ของพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วม นายอุตตม กล่าวว่าถือเป็นปกติของนักการเมือง ที่จะย้ายพรรค ทางกลุ่มไม่ได้ทำสิ่งใดที่เกินเลย ส่วนบุคคลที่ติดต่อ ถือเป็นบุคคลคุ้นเคยและมีมาจากหลากหลายกลุ่ม ทั้งนี้ กลุ่มพร้อมเปิดและพูดคุยแต่เรื่องอนาคตจะเป็นอย่างไร ต้องรอให้กลุ่มพลังประชารัฐ รับการจดจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองก่อนจากนั้นจึงจะพูดคุยอย่างเป็นทางการถึงการทำงานร่วมกันกับกลุ่มการเมืองต่างๆรวมถึงจะเปิดตัวหลังที่มีความชัดเจนเรื่องการจดจัดตั้งพรรค ส่วนเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่าข้อกล่าวหาที่มีเชื่อถือได้หรือไม่
ปัดตอบปมดูด 3 อดีตสก.ปชป.
เมื่อถามว่าล่าสุดพบว่ามี 3 อดีต สก.ปชป. มาร่วมงานฟังความเห็นที่คลองลัดมะยม ถือเป็นการเปิดตัวเข้าร่วมหรือไม่ ปรากฏนายอุตตม ปฏิเสธไม่ขอแสดงความเห็น แต่ยอมรับถึงการเตรียมเปิดตัว นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ อดีตสมาชิกสภาปฏิปแห่งชาติ(สปช.)ว่าได้ส่งตัวแทนมาพูดคุย แต่ส่วนตัว ยังไม่ได้พูดคุยกับนพ.พลเดช โดยตรง
เมื่อถามย้ำถึงความตั้งใจต่อการตั้งพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม ตอบว่า“เดี๋ยวอีกไม่นาน จะชี้แจงให้ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์คืออะไร ขอบอกไว้กว้างๆว่าเราต้องการทำงานการเมืองถาวรโดยมีกลไกอะไรบางไรบางอย่างที่จะทำให้ปฏิรูปสถาบันการเมือง ยึดเหนี่ยวคน ที่มีอุดมการณ์ มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ส่วนรูปแบบนั้นขอให้รอติดตาม
พปชร. ดูดปชป.’ลูกกำนันเซี้ยะ’
แหล่งข่าวจากพปชร. เปิดเผยว่า ได้มีการประสาน นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. และนายปารเมศ โพธิพิพิธ อดีต ส.ส.ปชป. ซึ่งเป็นลูกชายของกำนันเซี้ย”นายประชา โพธิพิพิธ อดีต สส.กาญจนบุรี ปชป.ย์ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองกาญจน์ มาลงสมัคร ส.ส.เขตในนาม พปชร. โดยนายธรรมวิชญ์ และนายปารเมศ ได้ลาผู้ใหญ่ใน ปชป. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมชี้แจงเหตุผลความจำเป็นที่ไปร่วมงานซึ่งทางแกนนำ ปชป.ก็เข้าใจสาเหตุที่ต้องไป
ปัด’บิ๊กตู่’รุกหาเสียงออนไลน์
ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เปิดช่องทางสื่อออนไลน์ที่เป็นทางการของตัวเองบางฝ่ายมองว่าเป็นการเตรียมหาเสียงออนไลน์หรือไม่ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์กันได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่ตรวจราชการในกทม.ก็หาว่าเป็นการหาเสียง ลงพื้นที่ต่างจังหวัด ก็บอกว่าหาเสียงอีกทั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกสถานที่ก็หาว่ารุกหนักหาเสียงเมื่อเปิดเฟซบุ๊กถูกมองว่าเป็นการหาเสียงอีก แต่หากไม่มีการติดต่อกับประชาชนเลยก็กลายเป็นเข้าถึงยาก
“ดังนั้น หากคนจะตำหนิก็สามารถตำหนิได้ทุกเรื่อง แต่หากเข้าใจว่าเป็นเรื่องของช่องทางหนึ่งที่นายกฯต้องการติดต่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรงก็จบ ไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกทั้ง ยังเห็นว่า นักการเมืองแทบทุกคนที่ออกมาต่อว่าคนนั้นคนนี้ แต่ตนเองก็ทำเหมือนกัน”
แห่กดไลค์เพจบิ๊กตู่ยอดพุ่ง5หมื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ เปิดเพจ เฟซบุ๊กส่วนตัว ใช้ชื่อ”ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha”เพื่อสื่อสารตรงกับประชาชน พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายต่างๆของรัฐบาลโดยเปิดตัวไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่14 ต.ค.ปรากฎมีประชาชนผู้ใช้เฟซบุ๊กให้ความสนใจ กดไลค์เพจและโพสต์ข้อความจำนวนมาก มียอดผู้ติดตามล่าสุด ถึงช่วงบ่ายมีผู้ติดตามแล้วเกือบ 5หมื่นคน โดยมีการโพสต์ข้อความโจมตี เหน็บแนมและภาพอินโฟกราฟฟิกล้อเลียน
อีกทั้ง ยังมีการโพสต์ข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุว่า”วิธีทําให้ตัวเองมีความสุขคือการไม่เล่นเฟซบุ๊ก ไม่ดูโซเชียล เพื่อทำให้หัวโล่งทั้งวัน เพราะถ้าเปิดอ่านก็หมดแรงข้าวต้ม เพราะเห็นว่ามีแต่คนด่าทั้งวัน”ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ได้โพสต์ข้อความชื่นชมและให้กำลังใจ
พท.อัดพปชร.เอาเปรียบคนอื่น
ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวการที่ 3 รัฐมนตรี ลงพื้นที่พบประชาชนที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เขาเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ไม่ใช่แค่100เปอร์เซ็นต์ แต่เป็น 10,000เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว โดยเอาเปรียบตั้งแต่คิดตั้งคิดพรรคการเมืองในทำเนียบรัฐบาล ชวนคนเข้าไปในทำเนียบ เอาเปรียบมาเป็นปีแล้ว ครั้งนี้ จะเอาเปรียบอีกสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร หากเขาไม่อาย
“สังคมจะต้องมองเรื่องนี้ให้ละเอียดว่าถ้าคนมีอำนาจรัฐทำเช่นนี้ แล้วถ้าประชาชนจะยอมรับได้หรือไม่ ทั้งนี้เราก็ได้แค่บอกให้รู้ว่าท่านอย่ามาเทียบกับทางการเมือง เพราะเป็นคนละบริบทกัน ซึ่งท่านไม่ได้เข้ามาจากฐานของประชาชน แล้วยังเอาอำนาจที่มีอยู่ไปหาเสียงโดยอ้างประชาชน แล้วจะให้ประชาชนยอมรับได้อย่างไร นอกจากนี้การจะไปบอกให้ 3 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งก็เป็นการสีซอเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นอยากให้ประชาชนเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าคนในรัฐบาลที่เดินอยู่กับพรรคการเมือง คนเหล่านี้สมควรจะได้รับการไว้วางใจจากประชาชนต่อหรือไม่” นายสมคิด กล่าว.
สามมิตรติงอย่าปรองดองแต่ปาก
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ออกมาเรียกร้องอยากให้ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับนโยบายสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติเพราะบ้านเมืองขัดแย้งมานาน พี่น้องประชาชนแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งสี ประเทศบอบช้ำมามาก ช่วงก่อนการเลือกตั้งทุกพรรคการเมือง ทุกกลุ่มการเมือง อยากให้บ้านเมืองสงบ ปฏิรูปประเทศ เน้นสร้างความปรองดอง พอจะมีการเลือกตั้ง การสร้างความปรองดอง กลายเป็นเพียงวาทะกรรมเท่านั้น เริ่มสาดโคลนใส่กันทันทีอยากให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เน้นการแข่งขันกันทางนโยบาย หยุดความขัดแย้งไว้ก่อนเพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับพี่น้องประชาชน อยากให้ทุกฝ่ายนึกถึงประชาชนเป็นหลัก สามัคคีกันบ้านเมืองจะได้สงบ หากบ้านเมืองสงบ เศรษฐกิจของประเทศก็จะดี หากเป็นไปได้ ทุกพรรคการเมือง ควรจะหารือทำความเข้าใจกันก่อนเลือกตั้งเพื่อสร้างความปรองดองอย่างชัดเจน ส่วนการเลือกตั้ง ก็สู้กันด้วยนโยบาย แพ้ชนะแล้วจบ เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า หากปล่อยไปเช่นนี้หลังเลือกตั้งประเทศ ก็คงจะมีความขัดแย้งอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี