นักวิชาการชี้โครงการไทยนิยมฯอุ้ม"รบ.หาเสียง-เอื้อนายทุน" ถอดแบบนโยบาย"ทักษิณ" แต่ไม่สามารถนั่งในใจปชช.ได้เพราะมาจากรัฐประหาร
18 ต.ค.61 รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงการที่รัฐมนตรีของรัฐบาลนี้ประกาศตัวลงเล่นการเมือง และประกาศขับเคลื่อนนโยบาย ในโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรขับเคลื่อนก่อนการเลือกตั้ง เพราะนโยบายนี้ถือว่ามีส่วนได้เสียกับการเมือง และแม้ในทางกฎหมายและทางการเมืองสามารถทำได้ก็ตาม แต่คงหนีไม่พ้นการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะรัฐมนตรีเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมขับเคลื่อนนโยบายด้วย
รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า ปัจจุบันจะเห็นว่าเรื่องภาวะเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลักของรัฐบาลชุดนี้ การขับเคลื่อนเรื่องไทยนิยมฯ ยิ่งต้องมีส่วนสำคัญ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า นโยบายหลายอย่างที่ไปเอื้อต่อเศรษฐกิจระดับบน หรือกลุ่มนายทุน พอเป็นการเอื้อกับกลุ่มเหล่านี้ ก็เลยทำให้กระบวนการที่จะถ่ายทอดผลจากนโยบายสู่ประชาชนในพื้นที่จึงเป็นไปได้ยาก อีกทั้ง ความคืบหน้าของโครงการนั้นยังไม่เห็นผลอะไรที่ชัดเจนมากเท่าไหร่ ที่ไม่เห็นผลชัดคงเป็นที่ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการรัฐประหาร ดังนั้น การที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจึงไม่มีสายต่อ หรือจุดเชื่อมโยงกับประชาชน ก็เลยไม่เห็นภาพชัด เมื่อไม่มีจุดเชื่อมโยงการแก้ปัญหาก็จะมีน้อยลง สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็กลายเป็นการตอบสนองให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่มากกว่า
"ปฏิเสธไม่ได้ว่า โครงการนี้ถูกมองว่าคล้ายกับนโยบายของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ยุคนั้นเป็นโครงการประชานิยม พอเป็นประชานิยมคำนี้ก็ถูกนำมาใช้ทางการเมืองแล้ว เมื่อใช้กับการเมืองก็จะถูกมองเป็นภาพลบ ซึ่งเนื้อหาสาระไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะคีย์แมนสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ก็คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ผู้ที่เคยทำงานในรัฐบาลของนายทักษิณ ดังนั้น ผมไม่คิดว่าโครงการนี้จะถูกปรับเปลี่ยนจากไอเดียของนายสมคิดมากนัก"
รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าคนรู้จักโครงการไทยนิยมฯ จะไม่สามารถที่จะเข้าไปนั่งในใจคนได้เท่าโครงการประชานิยมของนายทักษิณ เพราะนายทักษิณถือเป็นคนแรกที่ทำโครงการลักษณะนี้ และในรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจุดเชื่อมต่อลงสู่ประชาชนต้องใช้กลไกของรัฐ ซึ่งเป็นระบบราชการที่การเชื่อมต่อที่จะใกล้ชิดกับประชาชนนั้นจึงจะเป็นไปได้ยาก และยิ่งมีข่าวรัฐบาลจะไปยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งประชาชนไม่เห็นด้วย ดังนั้น หากรัฐบาลอยากจะเข้าไปนั่งในใจประชาชน ตนคิดว่าแทนที่จะใช้วิธียกเลิกของเก่า มาทำใหม่ ควรเอาของเก่านั้นมาเพิ่มออฟชั่นจะดีกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี