"อุเทน"ห่วง"เสียงข้างมาก"ศาลรธน.วางบรรทัดฐาน"ทูตดอน"ไม่ขาดคุณสมบัติรมต. ถ่างช่องโหว่"นักการเมือง"ถือหุ้นเกินกม.กำหนดในอนาคต ชี้ข้อมูลกกต.ระบุชัด"เมียดอน"ถือเกินเวลาที่กม.ขีดไว้ เชื่อปรากฎในคำวินิจฉัยเสียงข้างน้อยที่ต้องนำมาศึกษาโดยละเอียด ปูด"นายกฯตู่"อุ้มรมว.ต่างประเทศ หวั่นม.157ย้อนเข้าตัว
นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว จากกรณีภรรยาของนายดอน ถือหุ้นบริษัทเอกชนเกิน 5% ซึ่งขัดกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า แม้มติเสียงข้างมากจะเพียงพอที่จะทำให้เรื่องยุติ แต่โดยส่วนตัวในฐานะที่ติดตามประเด็นการบังคับใช้กฎหมายของประเทศมาตลอด ก็มีความเป็นห่วงว่าดุลยพินิจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากในกรณีของนายดอน จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานไว้ในอนาคต จนทำให้บทบัญญัติอันเกี่ยวกับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญต่อการถือครองหุ้นหรือทรัพย์สินของรัฐมนตรีและข้าราชการจะมีช่องโหว่ กระทบถึงเจตนารมณ์ในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ถึงขนาดผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มั่นใจว่าจะเป็นรัฐบาลฉบับปราบโกง จะมีปัญหาต่อไปในภายภาคหน้า ด้วยมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้าข่ายดุลยพินิจที่ผิดปกติ อีกทั้งดูเหมือนจะค้านสายตาผู้ที่ติดตามกรณีนี้จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง แต่ก็ไม่สามารถก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาลฯ ได้
นายอุเทน กล่าวอีกว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 187 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 สาระสำคัญกำหนดว่า รัฐมนตรี และคู่สมรส รวมไปถึงบุตร ต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หากถืออยู่ต้องดำเนินการโอนให้ขาดจากการถือครองภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง อันมีเจตนารมณ์ต้องการให้เป็นหลักประกันให้การบริหารงานของรัฐมนตรีไม่ให้เกิดเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวขัดกับผลประโยชน์สาธารณะ ซึ่งในกรณีนี้ตุลาการฯเสียงข้างมากมิได้นับย้อนไปถึงครั้งที่นายดอนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ส.ค.58 แต่ให้นับวันแรกหลังรัฐธรรมนูญ 60 ประกาศใช้วันที่ 6 เม.ย.60 และระบุว่าภรรยานานดอนมีการถ่ายโอนหุ้นในหลายบริษัท จนเหลือเพียง 4% เมื่อวันที่ 30 เม.ย.60 แต่ข้อมูลของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ยื่นให้ระบุว่าจนถึงเดือน ต.ค.60 ก็ยังมีคำยืนยันจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า ภรรยายังถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกิน 5% อยู่ในเวลานั้น ซึ่งล่วงเลยจากวันที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับไปเกินกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้เชื่อว่าจะปรากฎอยู่ในคำวินิจฉัยของตุลาการฯเสียงข้างน้อย ที่ควรมีการนำมาศึกษาภายหลังที่จะมีการเปิดเผยออกมาด้วย
นายอุเทน กล่าวต่อว่า ในความเป็นจริงประเด็นนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้คาด ด้วยข้อเท็จจริงก็มีปรากฎอยู่ อีกทั้งนายดอยก็ทราบดีถึงคุณสมบัติที่ขัดรัฐธรรมนูญของตัวเอง เพียงแต่อ้างว่าไม่ได้มีเจตนาเท่านั้น ในกรณีเช่นนี้ผู้นำรัฐบาล ซึ่งในที่นี่ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ซึ่งเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ควรดำเนินการปรับนายดอนพ้นจากตำแหน่งไปตั้งแต่ทราบปัญหา เพื่อรักษาไว้ซึ่งบรรทัดฐานที่ดี และสปิริตที่เหนือกว่ารัฐบาลของนักการเมืองหรือนักเลือกตั้ง อีกทั้งผลงานของนายดอนก็ไม่ได้โดดเด่นถึงขนาดที่รัฐบาลจะขาดไม่ได้ หลายๆ ครั้ง รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์แสดงความติดเห็นไม่สมกับผู้มีประสบการณ์นักการทูตมาอย่างยาวนาน และเชื่อว่าประเทศไทยยังมีผู้มีความรู้ความสามารถในการเป็น รมว.ด้านการต่างประเทศ ได้ดีกว่านายดอนอีกมากมาย จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องโอบอุ้มนายดอนไว้โดยละเลยข้อกฎหมายเช่นนี้ ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติขาดความน่าเชื่อถือ และเสียหายเพียงเพราะปกป้องคนๆเดียว
"มีการพูดกันว่าที่ปรับนายดอน พ้น ครม.จากเรื่องถือหุ้นเกินกฎหมายกำหนดไม่ได้นั้น ด้วยเกรงว่าความผิดอาจจะมาถึงตัวท่านนายกฯ เอง เนื่องจากทาง ป.ป.ช.ได้เคยส่งความเห็นที่ระบุว่านายดอนขาดคุณสมบัติมาให้ท่านนายกฯ ตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ หากนายดอนถูกวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติจริง พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจถูกตีความว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้ ใช่หรือไม่" นายอุเทน ระบุ
นายอุเทน กล่าวอีกว่า ด้วยบรรทัดฐานการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรสำคัญๆของประเทศเช่นนี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตนตัดสินใจยุติบทบาทของพรรคคนไทย ซึ่งได้ยื่นแจ้งต่อ กกต.ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการประกาศอย่างเป็นทางการลงรสชกิจจานุเบกษาเท่านั้น ด้วยมองว่ากฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับพรรคการเมือง นอกจากไม่เอื้อพรรคการเมืองขนาดเล็กแล้ว ยังทำให้ผู้บริหารพรรคต้องเสี่ยงถูกตีความว่ากระทำความผิดโดยง่ายอีกด้วย ส่วนตัวก็ไม่อยากต้องติดคุกตอนแก่ และไม่ต้องการให้ผู้ร่วมอุดมการณ์กับพรรคคนไทยต้องเอาอนาคตไปทิ้ง หรือไปสุ่มเสี่ยงกับดุลยพินิจการตีความกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี