คลายล็อกกัญชา
ครม.ให้วิจัยการแพทย์
สธ.ควบคุมทดลองใช้5ปี
ปปส.กำหนดพื้นที่ปลูก
ส่งสนช.คลอดกฎหมาย
ครม.ไฟเขียว คลายล็อก“กัญชา”เปิดทางใช้ศึกษาวิจัย-การแพทย์ ภายใต้การควบคุมของแพทย์ กำหนดให้ ปปส.กำหนดพื้นที่ปลูก ส่วนการเสพ ครม.ห่วงช่วงทดลอง ให้อำนาจ กระทรวงสาธารณสุข ควบคุม 5ปี เตรียมส่งให้สนช.พิจารณารับหลักการวาระแรกต่อไป
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 3)พ.ศ. ...ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของกัญชาว่าเรื่องดังกล่าว กำลังคลายล็อค เรื่องนี้ไม่ใช่การปลดล็อค เพราะกัญชา ยังเป็นยาเสพติดในประเภท 5เพียง แต่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการศึกษาในเรื่องของการรักษาโรคว่าควรจะจำกัดจำนวนในการใช้ซึ่งจะใช้เป็นบทเฉพาะกาลในระยะเวลา 5 ปีก่อน ซึ่งจะต้องส่งร่างดังกล่าวกลับไปให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาต่อไป
ต่อมา นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุม ครม.ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่..พ.ศ. ...โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีสาระสำคัญ คือ1.ให้สามารถนำเข้า หรือส่งออกยาเสพติดประเภท 5 ได้ในกรณีจำเป็น เพื่อประโยชน์ทางราชการ โดยได้รับอนุญาต จากผู้อนุญาต 2.เพื่อกรณียกเว้นให้มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครอง ไม่เกินจำนวนที่จำเป็น สำหรับการใช้รักษาโรคเฉพาะ หรือ สำหรับใช้ในการปฐมพยาบาลหรือกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน 3.เพิ่มเติมให้ใช้ยาเสพติดประเภท 5 ได้ หากกระทำเพื่อการรักษาโรค ตามคำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบโรคศิลป์ หรือ เพื่อการศึกษาวิจัย 4. กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตสามารถจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 5ได้ เฉพาะสถานที่ที่กำหนดเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ยังมีความเพิ่มเติม ในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ให้มีอำนาจให้กำหนดเขตพื้นที่ เพื่อทดลองปลูกพืชที่เป็น หรือ ให้ผลผลิตที่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ผลิต และทดสอบยาเสพติดประเภท 5 ได้ตามพื้นที่ที่กำหนด โดยให้รมว.สาธารณสุข อาจจะประกาศให้ท้องที่ใดเป็นท้องที่ ที่เสพพืชกระท่อมได้ โดยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า สาระสำคัญที่กล่าวมาจะเป็นการปลดล็อกเฉพาะในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องคือแพทย์และคนไข้ เป็นการยกเว้นให้ว่าจะไม่มีความผิด โดยในที่ประชุมครม.เน้นย้ำว่าเพื่อให้สังคมมีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นว่าทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อการรักษาและใช้ในการทางการแพทย์เท่านั้น
“ในเรื่องของพื้นที่ปลูกคณะกรรมการ ป.ป.ส.จะเห็นชอบ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เป็นผู้กำหนด ไม่ใช่ใครจะไปปลูกหลังบ้านตัวเองได้และกระบวนการผลิต ก็ต้องระบุว่า ใครจะสามารถนำไปผลิตได้และนำมาจากที่ไหน โดยมีการควบคุมอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่นำไปปลูกและนำไปใช้ได้อย่างอิสระ”
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อ ครม.ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจากที่สภานิติบัญญัติ(สนช.) ส่งมาแล้ว ครม.ได้มีการเพิ่มเติมว่า กระบวนการทั้งหมดหลังจากพ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศบังคับใช้ กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้กำหนดและควบคุมไว้อย่างน้อย เป็นระยะเวลา 5 ปีไว้ในบทเฉพาะกาล เนื่องจาก ครม.มีข้อห่วงใยว่า ช่วงระยะ 5 ปีแรก อาจจะมีการปรับเปลี่ยนดูแลอย่างใกล้ชิด และหลังจาก 5 ปี จะมาทบทวนอีกครั้งว่า ควรปรับปรุง อนุญาตหรือปรับลด เพิ่มเติมอะไรได้บ้าง ขณะที่ พืชกระท่อมได้ปรับจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 มาอยู่ที่ประเภท 2 เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วจะส่งร่างดังกล่าวพร้อมแนบความคิดเห็นกลับไปยัง สนช.พิจารณาอีกครั้งต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวระบุอีกว่า สำหรับหลักการและเหตุผลของการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่บังคับใช้มาเป็นเวลานานและมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ ในปัจจุบันส่วนของกัญชาปรากฏผลวิจัยว่าสารสกัดจากกัญชา มีประโยชน์ทางการแพทย์หลายประเทศทั่วโลกได้มีการผ่อนปรน โดยแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอนุญาตให้ประชาชนใช้พืชกระท่อมและกัญชาทางการแพทย์หรือเพื่อการนันทนาการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
แต่สำหรับประเทศไทยปัจจุบันพืช กระท่อมและกัญชา ยังคงเป็นสารเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มีการกำหนดโทษผู้เสพและผู้ครอบครอง ทั้งที่ในสภาพความเป็นจริง พบว่ามีผู้ป่วยบางส่วนลักลอบใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคมานานหลายปีแล้วทั้งผลิตใช้เองและมีผู้ผลิตในเชิงพาณิชย์ เป็นผลให้มีราคาแพงและอาจไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์ และตำรับยา สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถนำกัญชาและพืชกระท่อมไปทำการศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสามารถนำไปใช้ในการรักษาภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี