“ประเดิมชัย” อดีต ปธ.สิ่งแวดล้อม กทม.ทบทวนประมูล “เตาเผาขยะ” เชื่อโครงการจำเป็น แต่ราคากลางควรต่ำกว่า 900 บาทต่อตัน เทียบ “ปากน้ำ” ลักษณะเดียวกันจ่ายเอกชนแค่ 300 บาทต่อตัน แถมเอกชนนำขยะไปเพิ่มมูลค่าได้อื้อทั้งไฟฟ้า-รีไซเคิล ห่วงไม่ผ่านอีไอเอ ทำชาวบ้านวิตก
15 ต.ค. 61 นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตห้วยขวาง ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการการรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม สภา กทม. กล่าวถึงกรณีที่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยประกาศประชาพิจารณ์ร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) โครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอย ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม และอ่อนนุช ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณโครงการละ 6,570 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 13,140 ล้านบาทว่า เท่าที่ศึกษาร่างทีโออาร์ของ 2 โครงการที่มีเนื้อหาเหมือนกัน ส่วนตัวในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้มาอย่างใกล้ชิด มีข้อสังเกตในสาระสำคัญบางประการ
โดยเฉพาะในประเด็นการกำหนดราคากลางการกำจัดขยะ ที่แม้ว่าเดิม กทม.จะกำหนดไว้สูงถึง 1,000 บาทต่อตัน แล้วลดลงเหลือ 900 บาทต่อตันในร่างทีโออาร์นี้ แต่ในความเป็นจริง กทม.มีศักยภาพในการต่อรอง หรือบริหารจัดการด้วยต้นทุนที่ถูกลงกว่านี้ได้ เหมือนกับองกร์ส่วนท้องถิ่นอื่นๆ อาทิที่ จ.สมุทรปราการ ที่กำหนดค่าตอบแทนเอกชนไว้ที่ 300 กว่าบาทต่อตัน หรือที่ จ.ขอนแก่น ก็อยู่ที่เพียง 250 ต่อตัน หรือกระทั่ง กทม.เองก็เคยตั้งโครงการโดยใช้ราคากลางที่ 600 บาทต่อตันมาแล้ว ในขณะที่ กทม.อ้างว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับเอกชนที่มีต้นทุนการก่อสร้างโรงเผาขยะที่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคน กทม.ผู้เสียภาษี ที่ต้องมีทางเลือกในการได้ประโยชน์จากการภาษีที่เสียไปอย่างสมเหตุสมผลเช่นกัน
“การที่ กทม.กำหนดงบประมาณไว้โรงละ 6,570 ล้านบาท ก็เท่ากับลงทุนให้กับเอกชนทั้งหมด ทำให้เอกชนที่ชนะประมูลเหมือนจับเสือมือเปล่า อย่าลืมว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน สามารถเพิ่มมูลค่าขยะได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป๋นการผลิตไฟฟ้า หรือกระบวนการรีไซเคิล” นายประเดิมชัย ระบุ
นายประเดิมชัย กล่าวด้วยว่า แม้โครงการนี้มีความจำเป็น แต่ยังไม่ถือว่าเร่งด่วนมาก เพราะตอนนี้ กทม.ยังสามารถอยู่ในวิสัยเรื่องการจัดการทำลายขยะได้ กระบวนการฝังกลบที่ใช้อยู่ก็ถูกกว่าพอสมควร ดังนั้นจึงไม่ควรเร่งรีบโดยขาดความรอบคอบ ที่สำคัญโครงการนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) จากคำสั่งมาตรา 44 ก่อนหน้านี้ด้วย ดังนั้นก่อนดำเนินการใดๆ กทม.ควรมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องสิ่งแวดล้อมและชุมชนให้กับประชาชนในพื้นที่เสียก่อน
ไม่ใช่ดึงดันเดินหน้าแล้วทำให้ชาวบ้านต้องวิตกกังวลในความปลอดภัย ตลอดจนเรื่องราคากลางที่ควรมีหน่วยงานกลางที่มีมาตรฐานมาทำการศึกษากำลังราคาที่เหมาะสมให้ชัดเจนเสียก่อน ผู้รับผิดชอบต้องทบทวนให้เกิดความรอบคอบมากที่สุด รวมไปถึงการปรับเกณฑ์พิจารณาที่ดูเหมือนให้น้ำหนักในเรื่องคุณสมบัติทางเทคนิคมากกว่าราคา ก็ควรจะปรับให้สมดุลมากกว่านี้ เปิดให้มีการแข่งขันในด้านราคามากกว่านี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี