ไม่รู้ใครยิง‘ลุงบุญมี
ศาลสั่งคดีเสื้อแดง
ปชป.ลุยฟ้องธาริต
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่ 16 มกราคม เวลา 9.00 น. ห้องพิจารณาคดี 402 ศาลนัดอ่านคำสั่งชันสูตรพลิกศพคดีหมายเลขดำที่ ช.7/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายบุญมี เริ่มสุข อายุ 71 ปี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตบริเวณถ.พระราม 4 ในช่วงการขอคืนพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติการคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2553 เพื่อคำสั่งว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด เหตุและพฤติกรรมการตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150
โดยคดีนี้ศาลพิเคราะห์ตามพยานหลักฐานและเห็นว่า ผู้ตายเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยกระสุน.223 หรือขนาด5.56มิลลิเมตร เข้าที่ช่องท้อง เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2553 และเข้าพักรักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะเสียชีวิตวันที่ 28 ก.ค.2553 ซึ่งแพทย์ผู้ให้การรักษาลงความเห็นว่าผู้ตาย เสียชีวิตจากติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
ทั้งนี้เนื่องจากจากการตรวจสอบพยานหลักฐาน และหัวกระสุนในตัวผู้ตาย พบว่าแม้กระสุนขนาด .223 จะเป็นขนาดเดียวกับอาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้ แต่จากพยานหลักฐานก็ปรากฎด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงด้วยหัวกระสุนจริงที่มีลักษณะคล้ายกัน จึงเชื่อว่านอกจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้กระสุนปืนขนาด .223 แล้ว ยังมีคนที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ใช้กระสุนชนิดเดียวกันยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วย ศาลจึงมีคำสั่งให้การตายของนายบุญมี บริเวณถนนพระราม4 ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
ลูกสาวลุงบุญมีเสียใจไม่รู้ใครยิง
ด้านน.ส.พรพิมล เริ่มสุข บุตรสาวผู้ตาย เปิดเผยด้วยเสียงสั่นเครือว่ารู้สึกเสียใจ แต่ก็เคารพคำสั่งศาล อย่างไรก็ตามการชุมนุมนั้นมีเพียง 2 ฝ่ายคือ ผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ทหาร แต่กลับไม่สามารถหาผู้กระทำความผิดได้ มั่นใจว่าพยานและหลักฐานที่นำมายื่นต่อศาลมีน้ำหนักเพียงพอที่จะระบุผู้กระทำความผิดได้ ทั้งนี้จะส่งให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการทางคดีต่อไป
พร้อมฝากถามไปยังผู้ที่ลงมือหรือผู้สั่งการว่า หากเป็นญาติพี่น้องของตัวเองจะรู้สึกอย่างไร และอยากให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับการกระทำดังกล่าว
ทนายลุ้นดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม
นายณัฐพล ปัญญาสุข ทนายความญาติผู้ตาย กล่าวว่า พยานที่นำเข้าไต่สวนในคดีนี้ก็เป็นพยานชุดเดียวกับนายชาติชาย ชาเหลา ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งระบุว่า ถูกยิงเสียชีวิตโดยกระสุนมาจากฝั่งของเจ้าหน้าที่ ทั้งพยานฝ่ายตรวจพิสูจน์และตรวจที่เกิดเหตุก็ชุดเดียวกัน อย่างไรก็ตามเป็นดุลยพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งคดีอย่างไร หลังจากนี้ พนักงานอัยการจะส่งคำสั่งดังกล่าวไปให้ดีเอสไอเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนจะสรุปสำนวนว่าจะต้องฟ้องใคร ถ้าข้อเท็จจริงสามารถระบุบุคคลที่กระทำผิดได้ก็จะฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป
เป็นคดีแรกที่ศาลไม่ได้ชี้ทหารยิง
สำหรับคดีนี้ ถือว่าสำนวนที่ 5 ที่ศาลมีคำสั่งชี้การเสียชีวิตเนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุม นปช.ขณะที่คดีนี้เป็นคดีแรกที่ศาลไม่ได้มีคำสั่งว่า กระสุนที่ยิงมาจากฝั่งเจ้าพนักงาน โดยก่อนหน้านี้คดีชันสูตรศพนายพัน คำกอง ชาว จ.ยโสธร นายชาญณรงค์พลศรีลา นายชาติชาย ชาเหลา ชาวสุรินทร์ และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 14 ปี ทั้งสี่ราย ศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งทำนองเดียวกันว่า เสียชีวิตจากกระสุนขนาด .223 ที่มาจากฝ่ายเจ้าพนักงาน
มาร์ค-เทือกเตรียมฟ้องกลับ”ธาริต”
ขณะที่นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวภายหลังการหารือกับทีมทนายความและฝ่ายกฏหมายของพรรคว่า ในสัปดาห์หน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป. และอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ จะยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมพวกรวม 4 คนต่อศาลอาญากรณีกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาจากการสั่งสลายการชุมนุมทางการเมือง
ทั้งนี้จะฟ้องนายธาริตในข้อหากระผิดมาตรา 157 และมาตรา 200 รวมทั้งยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ทำให้บุคคลทั้งสองสูญเสียเสรีภาพขณะที่ถูกเชิญตัวไปให้ถ้อยคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหาโดยต้องอยู่ให้การกว่า 10 ชั่วโมงจึงจะฟ้องร้องรวมเป็นคดีเดียวกัน
ชี้จุดจบของธาริตติดคุกหัวโตแน่
“ผมมองจุดจบของนายธาริตจะติดคุกหัวโตแน่นอน เพราะสำนวนการสอบสวนที่เป็นลายลักษณ์อักษรรวมทั้งกระบวนการสั่งวสำนวน การแจ้งข้อกล่าวหา ทำให้นายธาริตดิ้นไม่ได้ “นายถาวรกล่าวและว่านอกจากนี้ตนกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการเอาผิดกับนายกฯด้วยในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ กรณีสั่งการให้เอาผิดเป็นกรณีพิเศษกับบุคคลบางคน
ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่า การเสียชีวิตของนายบุญมี เริ่มสุข อายุ 71 ปี โดยไม่ทราบว่าใครยิงนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าข้อกล่าวหาของนายธาริตที่มีต่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เป็นการยัดเยียดเพราะกระสุนชนิดเดียวกันยิงจากกลุ่มนปช.ใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
ญาติวีรชน 35ขวางออกนิรโทษฯ
ส่วนนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 แถลงคัดค้านกรณีกลุ่มแนวกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เรียกร้องให้ออกพรก.นิรโทษกรรม แต่ควรจะให้ผู้เกี่ยวข้องไปต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองต่อไป
ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ก็ไม่มีความผิดอยู่แล้ว
โฆษกขุนค้อนสวนเสื้อแดง
เช่นเดียวกับนายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการออกพรก.นิรโทษกรรมสำหรับผู้ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี50-54 เพราะขัดหลักกฏหมาย
เพราะตอนนี้กระบวนการยุติธรรมยังปกติอยู่ ถ้าจะนิรโทษกรรมจริงก็ควรจะเป็นการนิรโทษในช่วงที่ไม่มีกระบวนการยุติธรรมคือวงที่มีรัฐบาลจากคณะรัฐประหาร ไม่อย่างนั้นก็ตอบสังคมไม่ได้
ส.วล็อบบี้แก้ รธน.รายมาตรา
นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะคณะทำงานศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค และให้รัฐบาลทำงานไปได้ จึงควรแก้เป็นรายมาตรา ซึ่งจากการพูดคุยกับ
พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 มกราคม ถือว่ามีสัญญาณที่ดี แม้ทางพรรคร่วมจะยังไม่รับประเด็นที่ฝ่ายวุฒิสภาเสนอ แต่ก็รับไว้ไปปรึกษาหารือกับทางพรรคร่วมก่อน ยังไม่ได้ตัดประเด็น ต่อจากนี้คงต้องหารือกันอีกหลายนัด
จวกรบ.ใช้3สถาบันเป็นเครื่องมือ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมอบให้ 3 สถาบันการศึกษาคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ไปศึกษาช่องทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนคิดว่ามีนัยยะต้องการยืมมือสถาบันการศึกษาเพื่อเป้าหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี