วงเสวนาแฉ!ทหารฝ่ายปกครองจับกุมอบายมุขร่วมกับตำรวจข่าวรั่วหมด ต้องใช้ทีมฉก.หน่วยงานนอกพื้นที่ถึงจะมีประสิทธิภาพ ระบุกฎหมายใดที่มีโทษทางอาญาต้องให้หน่วยงานนั้นมีอำนาจสอบสวนด้วย ชี้การให้สตช.ขึ้นกับนายกฯทำให้ตร.ห่างไกลกับประชาชน หนุนกระจายอำนาจให้จังหวัด พนักงานสอบสวนต้องมีอิสระ
2 ธ.ค.61 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) Police watch จัดเสวนา เรื่อง"ทหาร ฝ่ายปกครอง จับบ่อนอบายมุข ตำรวจหายไปไหน!? และจะสอบสวนอย่างไรให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์?"
โดย นายคำรณ ชูเดชา ตัวแทนเครือข่ายประชาชนรณรงค์การงดดื่มสุรา กล่าวว่า การทำงานของภาคประชาชนไม่มีกฎหมายในมือหน้าที่เราตื่นตัวเฝ้าระวัง ตรงไนที่เด็กไปมั่วสุมเรามีกลไกหลายอย่าง ในอดีตเราใช้กลไกของตำรวจแต่ปัจจุบันถ้าจะให้มีประสิทธิภาพใช้สนธิกำลังของกรมการปกครอง กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และทหารส่วนหนึ่งเราได้อานิสงฆ์จากคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่22/2558ทำให้สนธิกำลังกันได้เพราะกรมพินิจมีเครือข่ายทุกจังหวัด ที่เราใช้กลไกปกครองเพราะเรามองเรื่องประสิทธิภาพถ้าพื้นทีไหนเราต้องการให้เกิดความสำเร็จทำงานกับตำรวจจะไม่ได้ประสิทธิภาพลงพื้นที่ข่าวรั่วหมด ต้องมีทีม ฉก.นอกพื้นที่เข้าไปทำงาน ส่วนตำรวจในพื้นที่จะเน้นเชิงบวกเช่นการประชาสัมพันธ์ แต่ถ้าการบังคับใช้กฎหมายมีมิติหลายเรื่องที่ซับซ้อนที่การบังคับใช้กฎหมายมันด้อยประสิทธิภาพ
"ประชาชนต้องการที่พึ่ง และมีหลักประกันจากกลไกรัฐว่าที่พึ่งนั้นให้ความยุติธรรมได้หรือไม่ คนที่จับกุม ทำสำนวน ส่งฟ้องเองเป็นคนๆ เดียวกันมันเป็นไปไม่ได้ วลีที่ว่า "ถ้าไม่ได้ทำผิดไม่ต้องกลัว ให้ไปพิสูจน์กันในศาล" นั้น เป็นการโยนภาระให้ประชาชนมากเกินไป ผมเห็นด้วยว่าต้องให้บทบาทอัยการมากขึ้น หลายคดีที่เราพาประชาชนไปแจ้ง ต้องเอาตำรากฎหมายไปด้วย เพราะตำรวจเองก็ไม่ได้แม่นในเรื่องกฎหมาย เสรีภาพของประชาชนสำคัญ ถ้าไม่มีเงินประกัน คนจนก็นอนคุก จึงมีวลีว่า "คนจนต้องติดคุก" ประชาชนที่ไปศาลนั้นบางทีต้องกลืนเลือด เราจะปล่อยแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมไม่แก้ไข" นายคำรณ กล่าว
นายมานะ สิมมา ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กล่าวว่า ปัจจุบันฝ่ายปกครองเข้าไปจับเรื่องการค้ามนุษย์ อบายมุขเป็นเพราะเป็นนโยบายของมหาดไทย ในการสร้างสุขให้สังคม เราไม่ได้ทำงานหักหน้าใคร แต่ทำตามกฎหมาย และนโยบาย ในยุค คสช.มีประกาศออกมามากมายให้ส่วนราชการออกมาปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่ทำก็จะมีปัญหา การออกไปจับเพราะได้รับแจ้งเบาะแสจากศูนย์ดำรงธรรม หรือประชาชนเดือดร้อนแจ้งเข้ามาว่ามีการค้าประเวณีเด็ก ค้ามนุษย์ที่ใด โดยมี อส.เป็นกองกำลังเข้าพื้นที่ ในขั้นต้นกระทรวงยุติธรรมจะทำการประสานอย่างบูรณาการ หากต้องการความช่วยเหลือของฝ่ายปกครองก็จะขอมาเป็นที่ทราบกันว่าเรื่องการบังคับใช้กฎหมายมักมีข่าวรั่วเสมอ
"ปัญหาที่ตำรวจฝ่ายปฏิบัติไม่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องมาดูมาตรา 16 ป.วิอาญาว่า ตำรวจ หรือฝ่ายปกครอง ใครมีอำนาจมากกว่าใคร ดังนั้น หลักการเดิมมันดีอยู่ ตำรวจดูแลภาพรวม ดูแลรักษาความสงบในพื้นที่ นายอำเภอและผู้ว่าจะดูสำนวนคดีก่อน ทั้งสองฝ่ายนี้เป็นพยานให้ตำรวจได้อย่างดี ปกติผู้ว่าฯ ไม่อยากเข้ามาร่วม แต่เมื่อมีการร้องขอความเป็นธรรมจากผู้เสียหาย หรือญาติ ก็ต้องมาดูแลกัน ฝ่ายปกครองและตำรวจ ต้องให้ความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน มากกว่าการมาตั้งแง่ว่าใครมีอำนาจมากกว่าใคร เดิมมันดีอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันมันมาแก้ไขให้บิดเบี้ยวไป เชื่อว่าตำรวจไม่อยากให้ผู้ว่าฯ มาร่วมสอบสวน เราน่าจะเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ นายอำเภอ สามารถเรียกสำนวน พยาน หลักฐานมาดูได้ แล้วให้ตำรวจเป็นพนักงานสอบสวนหลักต่อไป แต่ถ้ากฎหมายฉบับใดที่มีโทษทางอาญา เช่น โทษทางอาญาศุลกากร ปปส. ป่าไม้ เหล่านี้หน่วยงานนั้นต้องมีอำนาจสอบสวน ใครรับผิดชอบอะไรเฉพาะด้าน ก็มีอำนาจสอบได้ในเรื่องนั้น" นายมานะ กล่าว
นายนเรศ จิตสุจริตวงศ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ตัวสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรามีการจับกันทุกวัน จะทำให้คนปฏิบัติตาม ต้องมีการจับกุมเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ไปหักหน้าตำรวจ บางครั้งการแจ้งไม่มาจากองค์กรเอกชน แต่มาจากคนในพื้นที่ สำหรับพนักงานสอบสวนต้องผ่านการฝึกอบรม ผ่านวิชาการมาไม่น้อย ทำงานตามใบสั่งอย่างเดียวไม่ได้ การปฏิรูปต้องทำตั้งแต่ต้นธาร บ้านเรามีความเอียงเอนมานาน ในอดีต ตำรวจ อัยการ ปกครอง อยู่ในกระทรวงเดียวกันหมด และพัฒนามาทำให้ตำรวจโตมากเกินไป โตกว่ากองทัพ ขึ้นอยู่กับนายกฯ คนเดียว ตำรวจสอบสวนจะแยกเป็นอิสระ แบบ Federal Breuro Investigation (สำนักงานสอบสวนกลาง) ก็เป็นไปได้ แต่ตำรวจมันใหญ่เกินตัว
"การออกคำสั่ง ตร.419/2556 นั้นเสียหายมาก กฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายทรัพยากร การบุกวังน้ำเขียว การฆ่าเสือ ทำคดีแล้วต้องบอกนายอำเภอ เขาจะส่งใครมาช่วยก็ได้ ในภาพลึกๆ ผมว่าเขาไม่ได้แย่งงานกัน แต่เติมเต็มกัน ถ้าเขาใจสถานการณ์มันแก้ไขได้ และผู้ใหญ่ระดับบนต้องเข้าใจสถานการณ์ แค่ถูกกล่าวหาก็หมดอิสรภาพแล้ว เราจะเอาประชาชนเป็นตัวตั้งหรือเอาเราเป็นตัวตั้ง" นายนเรศ กล่าว
นายวีรศักดิ์ พรพิบูลย์ ตัวแทนสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย การทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ทำให้ตำรวจอยู่ห่างไกลประชาชน ไม่ได้รับความยุติธรรม ข้าราชการกระทรวง ทบวง กรม ในอดีตที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ร.5 เพราะต้องการให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน จากประสบการณ์จะเห็นความทุกข์ยากสาหัส ควรมีกรมศูนย์กลางทำงานให้ความยุติธรรมที่เป็นอิสระ หรือคณะกรรมการยุติธรรมจังหวัด ตำรวจควรจะอยู่กับผู้ว่าราชการฯ ทำงานเป็นทีม จะมีประสิทธิภาพมากกว่าในอดีต พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ท่านเห็นด้วยว่าตำรวจไม่ควรไปอยู่ที่ศูนย์กลางต้องกระจายอำนาจ การทำงานต้องทำงานทั้งป้องกัน และปราบปรามด้วย ถ้าป้องกันดีๆ เราจะไม่เห็นคนตายในเทศกาลต่างๆ ต้องเคร่งครัด บังคับใช้ตามกฎหมาย ตำรวจที่ขึ้นอยู่กับจังหวัดให้อยู่กับผู้ว่าฯ ถ้าทำงานระดับอำเภอก็อยู่กับนายอำเภอ
"ผมเห็นด้วยว่าทุกอย่างต้องมีกฎหมายรองรับ แต่ถ้ามองไปที่คดีในทางปฏิบัติแล้ว ผมยังอยากให้มีกรมสอบสวนกลาง เป็นอิสระจากตำรวจ มีความเป็นกลางจริงๆ คนระดับใหญ่สั่งการไม่ได้" นายวีรศักด์ กล่าว
พ.ต.อ.ววิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร คอลัมน์นิสต์ "เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ" กล่าว่า 4 - 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนถามมากว่าทำไมตำรวจไม่สามารถทำหน้าที่ในระดับจังหวัดหรือพื้นที่ได้ เป็นเพราะตำรวจไม่สามารถทำหน้าที่ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ต้องคอยคำสั่งจากส่วนกลางก่อน ที่ผ่านมาจึงเห็นว่าปัญหายาเสพติด เหล้า การพนัน อบายมุข ผู้หญิงเสียตัว ไม่สามารถแก้ไขได้ สังคมเดือดร้อน สถานบันเทิงบางแห่ง บ้านที่อยู่แถวนั้น หลังเวลาปิดมักจะมีเหตุทะเลาะ ยิงกัน ชาวบ้านกลัวมาก ตำรวจที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่เราไม่เห็นมีการลงโทษอย่างจริงจัง การย้ายก็ไม่ย้ายจริง เรื่องเหล่านี้ควรเป็นหน้าที่ของตำรวจ ในอดีตเรามีประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาปี 2477 มันไม่มีการเขียนว่าให้อำนาจแต่ฝ่ายเดียว แต่ต่อมามีอำนาจนี้ และอัยการก็ไม่เห็นพยานหลักฐานที่ตำรวจทำมาแต่แรก
"อัยการไม่เห็นร่องรอยของการสอบสวนทำให้ประชาชนอึดอัดกับการทำงานของตำรวจที่ไม่โปร่งใส ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ เที่ยงตรง ไม่มีการบันทึกภาพเสียง มีการตกหล่นมากมาย มีการเกรงใจกัน ทำให้พยานหลักฐานมันบิดเบี้ยว ดังเช่นคดีที่เอารถหลวงไปใช้ไม่มีการเอาผิด ไม่มีการลงโทษคนรับส่วยสินบน และต้องยอมรับว่าในปัจจุบันความลับรั่วไหลได้ง่ายมาก เราจับแพะ แกะมากมาย หลักฐานในการพิจารณาพิพากษาก็ไม่ชัดเจน ในต่างประเทศเขาให้อัยการเข้ามาสอบสวนเห็นหลักฐานแต่แรก ไม่โยนโจทย์ให้ประชาชนมากขนาดบ้านเรา เราร้องเรียนไปที่อัยการก็ยาก จะไปหาผู้ว่าฯ ก็เรียกสำนวนมาดูไม่ได้ อ้างว่าตนไม่ได้อยู่สังกัดกระทรวงมหาดไทยแล้ว หากตำรวจไม่รับแจ้งความ ประชาชนควรแจ้งไปที่นายอำเภอ ปลัดอำเภอได้ แต่ประชาชนไม่รู้ช่องทางนี้ แล้วให้นายอำเภอส่งหนังสือไปที่ตำรวจ ซึ่งกฎหมายก็เปิดช่องอยู่" พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวอีกว่า เราต้องเอาหลักคิดที่เอาประชาชนเป็นหลัก ปัญหาความยุติธรรมมันหนักหนาสาหัส ถ้าข้าราชการอยู่ในเซฟตี้โซน เคราะห์กรรมก็จะตกแก่ประชาชน หลายคดียอมรับผิดด้วยความจำยอม ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ เราต้องยอมรับกันก่อนว่าบ้านเมืองมีปัญหาความยุติธรรม ศาลตัดสินก็ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ความยุติธรรมบ้านเรามันไม่นิ่ง เรามีรายการแพะเดอะซีรีที่ยังมีเรื่องราวคอยอีกมาก มันเป็นความน่าเศร้า ยอมรับว่าพนักงานสอบสวนมีความลำบากใจเรื่องวินัยตำรวจมันเหมือนวินัยทหาร แต่ทหารมีเรื่องการขัดคำสั่งไม่ได้ ตำรวจนั้นถ้าจะขัดคำสั่งต้องชอบด้วย กม.แต่ในทางปฏิบัติก็มักไม่กล้าขัดคำสั่ง หัวหน้าใหญ่ ตำรวจที่กรุงลอนดอนเป็นหญิงเป็นพลเรือน ไม่มียศ เขามีการตรวจสอบถ่วงดุล แต่บ้านเราไม่มีการถ่วงดุลอะไร ศูนย์ดำรงธรรมตั้งมาก็เหมือนไปรษณีย์ ตำรวจกับผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่มีเอกภาพในการทำงาน ตนไม่ได้พูดว่าใครแย่งอำนาจใคร แต่สนใจว่าประชาชนเดือดร้อน ทั้งนี้ ถ้าเราให้อัยการเข้ามีส่วนร่วมในการสอบสวน จะแก้ปัญหาได้มาก
นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การทำหน้าที่ของตำรวจกับฝ่ายปกครอง และความเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมนั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายไหนเป็นคนพูด ส่วนตัวมีความเห็นในหลักการใหญ่ๆ ว่าถ้าการสอบสวนมันอยู่ในหน่วยงานเฉพาะนั้นมีความเหมาะสม ทุกวันนี้ตำรวจมีคดีมากมายหลากหลาย บางคดีต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ เช่น คดี เศรษฐกิจ หุ้น เป็นต้น หรือมาช่วยกันทำ เช่น คดีทางการปกครอง น่าจะมีส่วนร่วมในการสอบสวน การจับกับการสอบต้องแยกกัน ฝ่ายปกครองก็สอบได้ แต่ห่วงว่าถ้ากฎหมายไม่ชัดเจน พนักงานก็ทำงานยาก ถ้าตำรวจไม่จับสถานบริการก็ถือว่าบกพร่อง หรือถ้าปกครองไม่ไปจับก็ถือว่าไม่ทำหน้าที่หรือเปล่า
"เรื่องการจับกุม ในยุคที่มีมาตรา 44 ทหารมีอำนาจพิเศษ ดังนั้น ฝ่ายปกครองเข้าไปจับด้วยก็เป็นไปได้ เห็นด้วยว่าการทำงานต้องร่วมกัน และคิดว่าฝ่ายปกครองมีความเข้าใจประชาชนมากกว่า เรื่องการสอบสวน การที่ตำรวจสามารถคุมตัวได้ 7 ฝาก เรามีข้อตกลงกันว่าถ้าตำรวจส่งสำนวนมา อัยการต้องรับไม่ว่าจะเหลือเวลาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ไม่อยากเปลืองตัว พนักงานไม่สอบสวนพยานผู้ต้องหา แต่สอบพยานผู้กล่าวหา เราเป็นระบบกล่าวหา เราควรจะยอมรับที่จะสั่งสอบเพิ่มพยานผู้ต้องหาได้ เราอาจจะเสนอให้ ให้นโยบายเรื่องนี้ คือ ถ้ากรมการปกครอง หรือ สตช.ต้องการสำนวนหลักฐานเพิ่มก็ทำได้ ไม่ต้องแก้กฎหมาย นายอำเภอเองก็ต้องมีระเบียบรองรับ ขั้นตอนการทำงาน เพื่อให้ความมั่นใจว่าเขามีอำนาจหน้าที่ที่มอบหมายให้ทำได้ สิ่งที่จะรองรับอำนาจก็ต้องให้เห็นว่าต้องมีกฎหมายรองรับ" นายชาญชัย กล่าว
นายชาญชัย กล่าวว่า การสั่งไม่ฟ้องของอัยการเป็นเรื่องเสี่ยง อาจถูกสังคมตำหนิ ยอมรับว่าการสั่งไม่ฟ้องในคดียาเสพติด แทบเป็นไปไม่ได้ การสั่งไม่ฟ้องถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมระดับหนึ่ง เพราะยังสามารถฟ้องได้ในภายหลัง ภาระของพนักงานสอบสวนมีมากความบกพร่องก็เกิดขึ้นได้ และประมวลจริยธรรมจะออกเป็นกฎหมาย หรือสั่งห้ามไม่ได้ เช่น ผู้พิพากษาไม่ควรมีคู่สมรสเป็นทนายความ แต่ไม่ได้สั่งห้าม ถ้าเห็นว่าตำรวจทำหน้าที่ไม่ถูกต้องก็ต้องร้องเรียนกันไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี