1 ธ.ค. 61 พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ หัวหอกทีมยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัลและโฆษกพรรคภูมิใจไทย ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจในขณะบรรยายในหลักสูตร “Smart CEO” ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ว่า การทำธุรกรรมทางการเงินกำลังวิ่งเข้าสู่การให้บริการแบบดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบและ realtime เนื่องจากสามารถรถต้นทุนทางกายภาพและยังทำให้กระบวนการทำธุรกรรมสั้นลง แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนแบบออนไลน์ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีบอกตำแหน่งบนสมาร์ทโฟน, IoT และ app บนสมาร์ทโฟน กำลังท้าทายเขย่าขวัญกวาดสาขาธนาคาร, ตู้ ATM, บัตรเครดิต และสมาร์ทการ์ด ให้หายไปภายในทศวรรษหน้า”
1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่า กำลังจะมีผู้เล่นที่หน้าตาแปลกใหม่เข้ามาร่วมวงในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร ด้วยการสร้างโอกาสที่ต่างออกไปจากธนาคารแบบดั้งเดิม
แต่ดูเหมือนธนาคารแบบดั้งเดิมจะยังคงเข้าใจว่าพวกเขาเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคดีพอแล้ว ซึ่งแท้ที่จริงแล้วธนาคารแบบดั้งเดิมอาจจะประมาทจนเกินไป แต่ก็จริงอยู่ที่ธนาคารได้ทำแอพพลิเคชั่นที่พยายามตอบโจทย์ผู้บริโภค แต่หากมองให้ลึกซึ้งจะพบว่าแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นของธนาคารไม่ใช่แอพพลิเคชั่นในแบบที่ผู้บริโภคใช้ในชีวิตจริง
ปัญหาที่ธนาคารแบบดั้งเดิมอาจถูกลืมจะเป็นเพราะบริษัทออนไลน์ที่ให้บริการทางการเงินส่วนบุคคล ใหม่ๆ ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่มีขีดความสามารถด้าน Data analytics ที่สามารถวิเคราะห์ credit scoring ของลูกค้าแต่ละคนได้ดีกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม อีกทั้งเทคโนโลยีบอกตำแหน่งและบ่งบอกตัวบุคคลบนสมาร์ทโฟนด้วยใบหน้าและลายนิ้วมือกำลังทำให้พนักงานและสาขาธนาคารกำลังจะกลายเป็นซอฟต์แวร์ จนธนาคารในทศวรรษหน้าจะกลายเป็นเพียง “ธนาคารล่องหน” บนคลาวด์ (cloud) เท่านั้น
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารทำให้แรงงานรูปแบบดั้งเดิมได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งจะมีการลดตำแหน่งงานแบบดั้งเดิมในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารอย่างมากแบบ “แลนด์สไลด์” แต่กลับต้องการแรงงานในสาขาวิเคราะห์ข้อมูล อย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (data scientists) ซึ่งหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน จึงถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร จะต้องเตรียมการด้านทักษะแรงงานใหม่ ด้วยการพัฒนาแรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งแสวงหาแรงงานใหม่เพื่ออนาคต และแน่นอน ถ้าปรับตัวไม่ทัน อนาคตในไม่ช้าเราอาจลืมว่าเคยมีธนาคารอยู่ข้างถนน เหมือนเราลืมไปร้านขายหนังสือพิมพ์ในวันนี้
พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ ได้ย้ำทิ้งท้ายด้วยว่า “สำหรับผู้นำและผู้บริหารภาครัฐก็จะต้องเปลี่ยนนโยบายด้านการศึกษาและหลักสูตรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น การเปิดกว้างต่อความรู้ใหม่ๆ, หลักสูตรการเรียนรู้ที่วัดผลทักษะผ่านการทำกิจกรรม ที่ไม่ได้วัดด้วยการสอบ เพราะการสอบวัดได้แค่ความรู้เพียงอย่างเดียว อีกทั้งหลักสูตรผลิตบุคลากรครูที่จะช่วยเติมทักษะของการเป็น Facilitator นั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเติมเต็มทักษะในศตวรรษที่ 21 เข้าไปในหลักสูตรได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ทางออนไลน์ตลอดชีวิต ที่ง่ายดาย ทันสมัย และฟรี เพียงใช้นิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นใคร อายุเท่าไร อยู่ที่ใด และเวลาใดก็ตาม เป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี