6 ธ.ค. 61 เวลา 13.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางไปร่วมรับฟังความคิดเห็น " Fung Forum Tourism" ทิศทางท่องเที่ยวไทย จากวันนี้ถึงวันต่อไป และรับสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ M Academy ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า Big C ราชดำริ
คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมรับฟังความเห็นถึงการยกระดับการท่องเที่ยวว่า ถือเป็นปัญหาใหญ่ ที่ผ่านมาเครื่องยนต์เศรษฐกิจดับทุกตัว กำลังซื้อในประเทศดับ 100% แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะทำให้พืชผลทางการเกษตรราคาสูงขึ้นได้ ทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบกระเทือนตามมา ทั้งนี้การท่องเที่ยวหลักๆ จะอยู่ที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ทั้งที่มาแบบทัวร์และมาเดี่ยว แต่เหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตนั้นเกิดจากความบกพร่องในการบริหารจัดการ และเรื่องของความปลอดภัย อีกทั้งผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ยังไปโทษว่าเป็นความผิดของเขาอีก จึงทำให้เห็นได้ว่า นักท่องเที่ยวลดลงอย่างมีนัยยะ จนส่งผลให้ธุรกิจของคนไทยมีปัญหามากขึ้น
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า วันนี้การท่องเที่ยวเป็นตัวที่จะสร้างรายได้แบบเร็วๆ โดยที่ไม่ต้องไปลงทุนสร้างรางหรือทำถนนก็สร้างรายได้ให้ประเทศได้ทันที ซึ่งแบ่งเป็น 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1. สร้างความเชื่อมั่นให้คนที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศไทยสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการมาท่องเที่ยวอย่างเพียงพอ มีระบบป้องกันภัย ระบบการกู้ภัย มีหน่วยฉุกเฉินออกไปช่วยได้อย่างทันเวลา คนเสียชีวิตและคนเจ็บน้อยลง การจี้ปล้นและการทำร้ายร่างกายเราต้องให้การดูแลเหมือนเขาเป็นคนไทยคนหนึ่ง เหล่านี้จะสร้างความมั่นใจได้ เพียงแค่เราแบ่งรายได้มาสัก 5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการท่องเที่ยวก็จะมาสร้างตรงนี้ให้เข้มแข็งจริงๆ ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาคือ การยกเลิกการทำวีซ่าของนักท่องเที่ยวชาวจีน ในลักษณะเดียวกับที่ประเทศไทยยกเลิกการทำวีซ่าในภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่น
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า 2.ในทุกจังหวัด ทุกพื้นที่มีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่ ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ชอบแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรามีอยู่ในทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ไม่ใช้คำว่าเมืองรอง เพราะทุกสถานที่ของเราต้องโชว์ศักยภาพให้เห็นว่าเป็นเมืองหลัก แสดงให้เห็นถึงความน่าหลงใหลในแต่ละด้านของแต่ละพื้นที่ และ 3. เพิ่มโพรดักส์ใหม่ๆ เช่น การขายวัฒนธรรม ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว วัฒนธรรมไทยประเพณีต่างๆ มีอยู่ทุกเดือน แต่ละภาค แต่ละชนเผ่า แต่ละศาสนา ตรงนี้สามารถที่จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ อาจจะจัดให้มีอีเวนท์ได้ในทุกๆ เดือน 12 เดือน 12 ครั้ง รวมถึงเรื่องของสุขภาพและการดูแลความสวยความงามก็สามารถเป็นจุดแข็งให้กับประเทศไทยได้ แต่ที่ผ่านมามักจะติดกฎเยอะ ระเบียบแยะ ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องลงทุนด้วยตัวเงิน เพียงแต่ตัดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นออกเท่านั้นเอง รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรก็ยังเป็นที่สนใจในสายตาของชาวต่างชาติด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า 3 เรื่องใหญ่ๆ นี้ที่เราสนใจ จึงจะมารับฟังในวันนี้ รายได้จากการท่องเที่ยว 1.8 ล้านล้านบาทนั้นจะเพิ่มขึ้นได้ 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ไม่ยากเลย เพียงแค่สร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวเหล่านี้ให้ได้ อย่าคิดว่าเราเป็นเมืองรอง แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดการให้เป็นระบบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี